“สาวอเมริกัน” ตั้งใจมาเที่ยวไทยก่อนเปลี่ยนแผน ผันตัวเป็นจิตอาสา หลังรู้ข่าวถ้ำหลวง(ชมคลิปท้ายข่าว)
เหตุการณ์ 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง ได้กลายมาเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เราได้เห็นภาพชวนตื้นตันใจอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ความร่วมแรงร่วมใจของชุดปฏิบัติการนานาชาติ
ที่พร้อมทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างไม่เกี่ยงสัญชาติ เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ตลอดจนน้ำใจจากภาคประชาชนที่แม้ไม่สามารถบุกถ้ำเข้าไปช่วยเด็ก ๆ ได้ ก็ยังขอเป็นจิตอาสา มาช่วยกันทำกับข้าว เสิร์ฟกาแฟ รวมถึงซักรีดเสื้อผ้าให้เจ้าหน้าที่ ทำในสิ่งที่พอจะทำได้เพื่อเป็นการสนับสนุนพวกเขาอีกทางหนึ่ง
ภาพความมีน้ำใจของประชาชนคนไทยที่มาร่วมกันทำในสิ่งเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่นี้ ได้กลายมาเป็นภาพที่สร้างความประทับใจแก่คนทั่วโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวสาวชาวอเมริกัน
ที่บังเอิญเดินทางมายังจังหวัดเชียงราย ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเด็กติดถ้ำหลวงพอดี ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอคนนี้เปลี่ยนใจ พับแผนเที่ยวเก็บไว้ ผันตัวมาเป็นจิตอาสาร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่แทน
โดยเฟซบุ๊ก เสกสม แจ้งจิต ได้หยิบเรื่องของนักท่องเที่ยวสาวคนนี้มารายงาน เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ระบุว่า สาวคนนี้เป็นชาวอเมริกัน มีชื่อว่า แอนน์ มาเรีย เทรนโฮล์ม วัย 23 ปี เดิมทีเธอตั้งใจมาเที่ยวที่แม่สาย แต่ทันทีที่ลงจากเครื่องบินใน จ.เชียงราย
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และได้ทราบข่าวที่ถ้ำหลวง เธอจึงเปลี่ยนแผนมาช่วยแม่ครัวอาชีวศึกษาเชียงราย ที่ อบต.โป่งผา ทำกับข้าวแทน แถมยังมาช่วยหลายวันแล้วด้วย
น้ำใจงาม !! Anne marie trenholm วัย 23 ปี ชาวอเมริกัน บอก ตั้งใจมาเที่ยวแม่สาย จ.เชียงราย แต่ทันทีที่ลงเครื่อง จ.เชียงราย เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
และทราบข่าวเหตุที่เกิดขึ้นที่ถ้ำหลวง แม่สาย จึงเปลี่ยนแผนมาช่วยทำกับข้าว เธอบอกว่า มาที่ อบต.โป่งผา 2 วันแล้ว ช่วยทำกับข้าว และพรุ่งนี้จะมาช่วยงานที่ อบต.โป่งผา อีก 1 วัน เพราะใกล้กลับ
เธอบอกว่า ดีใจเห็นคนไทยร่วมมือกันในยามเกิดปัญหา หาภาพแบบนี้ค่อนข้างยาก ในต่างประเทศ#NBT 2HD
ทั้งนี้เธอยังได้เผยอีกว่า ดีใจที่เห็นคนไทยร่วมมือกันในยามที่เกิดปัญหา เพราะภาพแบบนี้ค่อนข้างหาได้ยากในต่างประเทศ ก็เรียกว่าเป็นอีกเรื่องราวดี ๆ ของความมีน้ำใจที่เกิดขึ้นยังพื้นที่ถ้ำหลวง ที่ได้ใจชาวต่างชาติผู้มาเยี่ยมเยือน รวมถึงได้ใจคนไทยไปเต็ม ๆ เช่นกัน
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงอาการนักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 คน ว่า มีการประเมินทุกเช้า-เย็น ซึ่งเช้านี้ (12 ก.ค.) มีการทานอาหารได้ตามปกติ เดินเข้าห้องน้ำ และทำกิจวัตรประจำวันได้
ส่วนการให้ยาฆ่าเชื้อซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะ ยังต้องให้จนครบ 7 วัน โดยเฉพาะ 3 รายที่มีภาวะปอดอักเสบ ส่วนลอตหลังสุด 5 ราย มี 3 ราย ที่มีอาการหูอื้อ เกิดจากหูชั้นกลางอักเสบ คาดว่ามาจากการเป็นไข้หวัดเล็กน้อย ซึ่งหลังการรักษาจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน
สำหรับสภาพจิตใจของทุกคนสภาพโดยรวมดี ร่าเริงดี มีจิตแพทย์เข้าไปพูดคุย สำหรับตัวโค้ชซึ่งหลายคนกังวลถึงความรู้สึกผิดจะมีจิตแพทย์คอยติดตามและดูแลเช่นเดียว อย่างไรก็ตามฝากถึงสื่อมวลชนกรณีที่น้องๆ กลับบ้านแล้วอาจต้องระมัดระวังเรื่องการสัมภาษณ์ พูดคุย เพราะกังวลว่าจะกระทบต่อสภาพจิตใจของเขาได้
ส่วนผลเลือดของหมูป่าลอต 2-3 จะทยอยออกมาเร็วๆ นี้ เมื่อทราบผลแล้วจะประเมินอีกครั้ง แต่อยากให้ทั้งหมดอยู่ที่โรงพยาบาลให้ครบ 7 วัน ไม่อยากให้กลับบ้านก่อน เพราะเผชิญกับการอดอาหารมานาน อยู่ในสภาพอากาศที่อับชื้น ร่างกายอ่อนแอ หากให้กลับบ้านอาจจะเสี่ยงติดเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อไข้หวัดซึ่งติดง่าย
ขณะที่หน่วยซีลที่เข้าไปอยู่กับน้องๆ ภายในถ้ำได้พักรักษาในโรงพยาบาล มีการเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจเช่นกัน ขณะนี้ไม่น่าห่วงเพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อพักฟื้นแล้ว ส่วนบุคลากร เจ้าหน้าที่ที่ร่วมภารกิจนี้ ได้ให้คู่มือแนะนำการดูแล สังเกตอาการด้วยตัวเอง หากพบผิดปกติให้มาพบแพทย์ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีแต่อย่างใด.