เข้าใจใน 3 นาที! ‘ช่วยน้องๆ ออกมาแบบไหน’ โดย ‘พล.ร.ต.อาภากร’ ผบ.หน่วย (ฟังคลิปท้ายข่าว)
พล.ร.ต. อาภากร อยู่คงแก้ว ผบ.หน่วยซีล ให้สัมภาษณ์ หลังจากนำภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมีจนสำเร็จ เผย 13 ชีวิต ขุดอุโมงค์เพื่อความอบอุ่น ย้ำ หน่วยซีลไม่ใช่ “ฮีโร่” แค่ทำสุดความสามารถ
“มีความสุขนะครับ” พล.ร.ต. อาภากร อยู่คงแก้ว กล่าวเมื่อถามว่ารู้สึกเช่นไรหลังนำภารกิจช่วยเหลือนักเตะเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จนสำเร็จ
“คิดว่าคนไทยทุกคนก็คงมีความสุขเช่นเดียวกัน …จากการที่เราโดนน้ำไล่จนเราต้องตั้งถอยรับเนี่ย ตอนนั้นก็ยังไม่คิดนะว่าเราจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้”
นักเตะเยาวชน 12 คน และโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ได้กลับมารวมตัวกันครบทั้ง 13 คนอีกครั้งแล้วที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ หลังได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ให้ทยอยออกจากถ้ำได้ตั้งแต่วันที่ 8-10 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากแพทย์ยืนยันสุขภาพกายใจของนักฟุตบอลทีมหมูป่าทั้ง 13 คนแข็งแรง แม้น้ำหนักลดเฉลี่ยคนละ 2 ก.ก. โดยผู้ปกครอง 4 ครอบครัวแรกได้เข้าเยี่ยมแล้ว
พล.ร.ต. อาภากร ยอมรับว่า ในช่วงเริ่มต้นปฏิบัติการ ไม่ได้คิดว่าจะประสบความสำเร็จได้ถึงขั้นนี้
“ความหวังเล็ก ๆ เท่านั้นเอง แต่ว่าด้วยความที่เราต้องสู้ ต้องทำให้ได้ คือความหวังเล็ก ๆ เนี่ยแต่เราต้องทำ เราอย่าทิ้งความหวังนั้น”
ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กล่าวด้วยสีหน้าที่คลายกังวล
เขาเล่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาแทบไม่ได้นอนสักเท่าไหร่ และต้องใช้ความคิดพอสมควร “เพื่อสู้กับน้ำ กับธรรมชาติให้ได้”
พร้อมกับบอกต่อว่า ยอมรับในความเก่งในการเอาชีวิตรอดของทั้ง 13 ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัว “โค้ชเอก” หรือ เอกพล จันทะวงษ์
“น่าแปลกใจว่าทุกคนอยู่ในสภาพที่ดีมาก” พล.ร.ต. อาภากร กล่าว
“เท่าที่ฟังดูก็คือ ได้มีการขุดเป็นอุโมงค์เข้าไปประมาณ 5 เมตร โดยใช้หินเนี่ยขุดเป็นอุโมงค์เพื่อป้องกันความหนาว เพราะอยู่ในอุโมงค์เนี่ย มันอบอุ่น”
เขายังกล่าวอีกว่า การที่โค้ชเอกเคยบวชมาทำให้รู้เรื่องการทำสมาธิซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ มีสมาธิ แล้วก็คงจะ “ใช้อากาศน้อย ๆ … ผมคิดว่าอาหารเขาก็คงมีการแบ่งปันกัน”
เหตุการณ์การติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เป็นที่สนใจไปทั่วโลก และมีสื่อมวลชนทั้งไทยและเทศหลายร้อยชีวิตเดินทางมาติดตามรายงานอย่างใกล้ชิด
เมื่อถามว่า การที่ปฏิบัติการครั้งนี้มีชีวิตของเด็กมาเกี่ยวข้องทำให้ภารกิจยากขึ้นมาหรือไม่ พล.ร.ต. อาภากร บอกว่า มั่นใจในสุขภาพร่างกายของเด็ก ๆ เนื่องจากเป็นนักกีฬา
“พอเรารู้ว่าเขาเป็นนักกีฬา เราไม่ยากมากเพราะเรารู้ว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาเข้มแข็ง พอเขาเจอนักดำน้ำนะ เขาวิ่งลงมาหาเลย เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่อิดโรย กำลังใจก็มี มีการโต้ตอบกับนักดำน้ำชาวอังกฤษ ยังแอ็คทีฟ แข็งแรง ประหลาดใจมาก จากที่คิดว่าจะอิดโรย เขาจะมีชีวิตอยู่รึเปล่าเนี่ย”
ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือผู้นี้ เล่าว่า ต้องปลุกใจกำลังพลอยู่เสมอ “เราต้องสู้กับน้ำ น้ำมาเราต้องสู้ คิดได้แค่นั้นเอง”
“คือการอยู่ในถ้ำเนี่ย มันดีว่าเราไม่ต้องไปเสี่ยงกับความกดอากาศเพราะว่าน้ำมันไม่ลึกนัก แล้วเวลาทำการใต้น้ำเนี่ยเราสามารถอยู่ในนาน ตราบใดที่เรายังมีอากาศหายใจ”
ผู้บัญชาการผู้นี้ใช้วิธีวาง “ขวดอากาศ” สำหรับนักดำน้ำถึง 200 ขวด ไปใต้น้ำตลอดทางไปจนถึงบริเวณที่เด็ก ๆ อยู่
“คือถ้าตรงไหนเราโผล่ได้เหนือน้ำเราก็โผล่ ถ้าไม่ได้เราก็มุดน้ำ แล้วก็ใช้ขวดอากาศที่เราวางเป็นจุด ๆ ไป ใช้ในการหายใจ ตอนนั้นเราก็สู้อย่างเนี่ย เราก็ต้องสร้างความฮึกเหิม สร้างกำลังใจให้กำลังพลในหน่วย”
เขาบอกว่านี่เป็นความร่วมมือของทีมนักดำน้ำนานาชาติ ทั้งสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน อังกฤษ และไทย โดยจากโถงสามที่สามารถเข้าไปได้ห่างจากบริเวณเนินนมสาวที่ทีมหมู่ป่าติดอยู่ 1.7 กม. ด้วยกัน โดยทีมนักดำน้ำแต่ละชาติใช้วิธีนำถังอากาศเข้าไปวางต่อ ๆ กันไปจนทีมนักดับน้ำชาวอังกฤษถึงตัวเด็ก ๆ ในที่สุด
พล.ร.ต. อาภากร ย้ำกับว่า
“เราไม่ใช่ฮีโร่นะครับ เราทำงานตามขีดความสามารถที่เรามี ที่เราสามารถทำได้ แต่ผมว่าสิ่งนึงที่ กองทัพเรือบอกว่า กองทัพเรือจะไม่ทิ้งประชาชน ในส่วนของเราเอง เวลาเราทำงาน ถ้าภารกิจไม่สำเร็จเราจะไม่ยกเลิก เป็นสิ่งที่เราทุกคนระลึกถึงเสมอ”
เข้าใจใน 3 นาที! ‘ช่วยน้องๆ ออกมาแบบไหน’ โดย ‘พล.ร.ต.อาภากร’ ผบ.หน่วย (ฟังคลิป)