Home »
สาระ ความรู้
»
วิธีลดดอกเบี้ยในการ “ผ่อนบ้าน” ทำอย่างไรให้หมดเร็ว ประหยัดเงินไปเยอะบางทียังมีเงินเหลือ
วิธีลดดอกเบี้ยในการ “ผ่อนบ้าน” ทำอย่างไรให้หมดเร็ว ประหยัดเงินไปเยอะบางทียังมีเงินเหลือ
วิธีลดดอกเบี้ยในการ “ผ่อนบ้าน” ทำอย่างไรให้หมดเร็ว ประหยัดเงินไปเยอะบางทียังมีเงินเหลือ
บ้านนั้นเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนาและอยากจะมี
แต่แน่นอนว่าบ้านกับที่ดินนั้นราคามิใช่น้อยเลย
แม้จะผ่อนได้แต่มันก็หนักเหมือนกันเพราะระยะเวลาในการผ่อนบ้านนั้นใช้เวลาหลายปี
มีหลายคนที่ผ่อนไม่ไหวอาจจะต้องโดนยึดไปอย่างน่าเสียดาย และวันนี้เรามี
วิธีลดดอกเบี้ย ในการผ่อนบ้าน แล้วยังทำให้ผ่อนได้เร็วยิ่งขึ้น
ทำอย่างไรมาอ่านกันเลย
การผ่อนบ้านให้หมดไวคือเราจะต้องรู้วิธีการขอลดดอกเบี้ย
ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ในการขอลดได้ทั้งนั้น
อ่านให้ละเอียดและทำตามกันดูจะช่วยให้คุณผ่อนบ้านได้ง่ายขึ้น
อย่างแรกก็ต้องรู้ว่ามันขอลดดอกเบี้ยได้นะ
อย่าลืมว่ามันขอได้มิเช่นนั้นบ้านเสี่ยงจะโดนยึด
ส่วนการจะได้เงินบางส่วนคืนนั้น
เป็นเงินประกันที่หลายต่อหลายคนถูกบังคับให้ทำในตอนกู้
ซึ่งทางธนาคารก็มักจะอ้างว่าจะทำให้การอนุมัติมันง่ายมากขึ้นถ้าหากทำประกันด้วย
และปกติแล้วส่วนมากสัญญาที่ทำมักจะบอกว่า “ห้ามปิด” หรือการโปะหนี้ก่อน 3 ปี ตรงจุดนี้จึงทำให้มีช่องโหว่และเอามาขอลดดอกเบี้ยกับทางธนาคารได้นั่นเอง
การจะลดดอกเบี้ยได้ก็ต้องผ่อนครบ 3 ปี
ถ้าหากธนาคารตอบไม่ได้ก็ให้บอกว่าจะรีไฟแนนท์ไปที่ธนาคารอื่น
เป็นการให้ที่อื่นมาใช้หนี้ธนาคารนี้แทนแล้วคุณก็กลายเป็นลูกหนี้ที่อื่นไป
ถ้าหากธนาคารเดิมยังอยากจะได้ลูกหนี้ไว้ก็จะรีเทนชั่น
ทำการลดดอกเบี้ยให้ได้ มันก็ต้องมีชั้นเชิงกันสักหน่อยเนาะ
เป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดอะไร
สำหรับวิธีการขอลดดอกเบี้ยก็ไม่ยาก ๆ ทำตามขั้นตอน 14 ข้อนี้
– เริ่มที่ให้ไปติดต่อกับสาขาที่ทำการกู้ เพื่อจะได้ทำการเจรจาขอลดดอกเบี้ยในการผ่อนบ้าน
– ก็พูดกับทางธนาคารตรง ๆ เลยว่ามาขอลดดอกเบี้ยบ้าน บอกตรงๆ แบบนี้แหละ
จากนั้นก็ต้องให้เหตุผลด้วยว่า
คุณนั้นเป็นลูกค้าชั้นดีที่ไม่เคยมีประวัติเสียหรือผิดนัดการชำระเลย
และผ่อนมาครบ 3 ปีแล้วก็เลยอยากจะมาขอลดดอกเบี้ย
– ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจว่า จะรีไฟแนนท์ เนื่องจากไปเช็คดอกเบี้ย โฮมโลนสำหรับลูกค้าใหม่มาแล้ว 4-5 ธนาคาร แล้วดอกถูกกว่าที่จ่ายอยู่
– จากนั้นพนักงาน เขาอาจจะถามคุณว่าสนใจที่ไหนอยู่
คุณก็แกล้งเลือกบอกไปสัก 1 ธนาคาร ที่มีดอกต่ำที่สุดในกระดาษที่คุณจดมา ปล.
คุณต้องเช็คแล้วเขียนใส่กระดาษว่า ดอกเบี้ยแต่ละธนาคารเท่าไหร่ 4-5 ที่
อย่างที่บอกจริงๆ คุณจะต้องเช็คไปจริง ๆ
เนื่องจากมันจะทำให้คุณสามารถต่อรองได้มากขึ้น
เพราะว่าธนาคารจะรู้เรตของธนาคารอื่นอยู่แล้ว
แต่แค่แกล้งถามให้รู้ว่าคุณเช็คมาจริงๆ
– หลังจากนั้นธนาคารจะออฟเฟอร์ดอกเบี้ยใหม่ให้คุณ
ซึ่งก็ยังพูดมาในราคาที่แพงกว่าของธนาคารที่คุณแจ้งไปเล็กน้อยเนื่องจากเขารู้ว่า
ถ้าคุณรีไฟแนนท์ คุณก็ต้องมีค่าใช้จ่าย และบางคนก็มองว่ายุ่งยาก
ธนาคารจึงคิดว่า ดอกเบี้ยลดให้แล้ว
แต่ยังแพงกว่าหน่อยลูกค้าส่วนใหญ่ก็โอเคถือว่าซื้อความสะดวก
– เมื่อคุณได้ดอกเบี้ยใหม่ คุณก็ถามเขาได้เลยว่า
ดอกเบี้ยใหม่เริ่มคิดให้ตั้งแต่เดือนไหน (คุณสามารถไปติดต่อก่อนครบ 3 ปี
ล่วงหน้าซัก 1-2 เดือนได้เลย)
ปล. ดอกเบี้ยของธนาคารอื่น 4-5
ธนาคารที่ให้เช็คและจดไปว่าที่ไหนต่ำสุด ให้คุณทำการคำนวณว่า ในระยะเวลาอีก
3 ปีที่จะผ่อนข้างหน้าต่ำสุด ไม่ใช่ดูแค่ว่า 0% 3 เดือนแรก จากนั้น แพง
ให้คุณลองคำนวณดูที่ 3 ปี
– เนื่องจาก หลังจากนั้นทุกๆ 3 ปี
คุณก็จะใช้ช่องโหว่เดิมมาขอลดดอกเบี้ยได้อีก (จึงขอแนะนำให้ดูที่ 3 ปี)
แต่ว่ายอดหนี้ของคุณจะต้องเกิน 1 ล้านบาทตอนไปขอลดดอกเบี้ย
(ซึ่งแล้วแต่ธนาคาร คุณลองเช็คดูก่อน)
– อยากให้หาความรู้ดี ๆ กันก่อนนะเพราะบางธนาคารก็มีการดูท่าทีคุณ
เพื่อที่จะประเมินว่าควรให้ดอกเบี้ยใหม่เท่าไหร่
ถ้าหากคุณไม่รู้อะไรเลยก็จะลดได้ไม่เยอะ ยกตัวอย่าง
ในกรณีของเพื่อนเคยเจอแบบว่า พอพูดว่าจะรีไฟแนนท์ เขาเช็คดูว่า
เป็นหนี้บัตรเครดิตหรือไม่ จนเพื่อนต้องบอกว่า
หนี้บัตรตั้งใจปิดก่อนรีไฟแนนท์อยู่แล้ว
เนื่องจากรู้ว่าต้องใช้ในการพิจารณ์สินเชื่อบ้าน ยังไงก็จะปิดอยู่แล้ว
เลยได้ลดดอกเบี้ยมา
– ถ้าหากเขารู้ว่าคุณไม่มีทางเลือกเป็นหนี้บัตรเครดิต
อาจจะยากในการขอสินเชื่อจากธนาคารใหม่ ธนาคารก็อาจจะดึงเกมส์ โดยไม่ลดให้
หรือลดให้ไม่มาก เพราะรู้ว่า ที่จริงแล้วคุณไม่มีทางเลือก
ฉะนั้นก่อนที่คุณจะไปต่อรอง คุณควรชำระบัตรให้หมด
หรืออย่างน้อยให้บัตรเครดิตของธนาคารนั้นเป็น 0
ไปรวมหนี้ไว้ที่บัตรของธนาคารอื่นก่อน สรุปง่าย ๆ
ข้อนี้ก็คือต้องปลอดหนี้นะ
ได้รับเงินคืน เมื่อผ่อนบ้านหมดทำอย่างไร
ถ้าหากในกรณีที่คุณโดนบังคับให้ทำประกันพร้อมกู้ซื้อบ้าน
และคุณได้ทำสัญญากู้บ้านยกตัวอย่างเช่น ทำสัญญากู้บ้าน 30 ปี
แต่คุณผ่อนจริง 17 ปีหมด คุณก็จะสามารถติดต่อขอเคลมเงินประกันคืนได้
โดยให้คุณให้เหตุผลกับธนาคารว่า คุณได้คุ้มครองแค่ 17 ปี ที่เหลืออีก 13
ปีไม่ได้มีการคุ้มครอง เนื่องจากผ่อนบ้านหมดแล้ว ฉะนั้น คุณจึงขอเคลม 13
ปีที่ไม่ได้คุ้มครองคืนเป็นเงิน การขอเคลมคืนอาจจะได้มาไม่มาก
ประมาณไม่กี่หมื่น คุณสามารถสอบถามธนาคารได้เลยว่าได้คืนเท่าไหร่
และธนาคารอาจจะยื่นข้อเสนอให้กับคุณว่า ถ้าไม่รับคืนก็จะคุ้มครองต่อ
โดยส่วนมากการคุ้มครองมักจะเป็นการได้เงิน ถ้าหากคุณลาจากโลกนี้แล้ว
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะทำประกันแบบนี้ให้เนื่องจาก
ธนาคารกลัวว่าคุณเป็นอะไรก่อนผ่อนบ้านหมด ซึ่งผู้ที่ได้ก็ไม่ใช่คุณ
แต่เป็นผู้รับประโยชน์ในสัญญากรมธรรม์ ซึ่งถ้าหากคุณให้เขาคุ้มครองต่อ
คุณก็ควรจะแจ้งชื่อผู้รับผลประโยชน์ใหม่
ลองทำตามดูนะอย่างน้อยถ้าได้เงินคืนมาก็จะได้เงินกลับมาทำอะไรสักหน่อย
ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ขอให้ผ่อนลงได้เร็ว ๆ
เมื่ออ่านวิธีในการขอลดดอกเบี้ยและถ้าผ่อนครบ 3 ปี
ที่จะขอลดดอกเบี้ยได้ก็ให้ไปจัดการขอลดเลย
ซึ่งมันจะเบาภาระค่าใช้จ่ายลงมาได้อีกเยอะ ไม่ต้องผ่อนบ้านดอกแพง ๆ
ไปหลายปี ช่องทางไหนพอที่จะเข้ามาช่วยผ่อนได้ ลดดอกเบี้ยได้ก็จงทำเถอะ
เพราะถือเป็นสิทธิ์ของทุกคนที่ทำได้ไม่ได้ผิดอะไรเลย
และเราก็จะผ่อนบ้านหมดเร็ว ได้บ้านมาเป็นของเราในที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : fw line , โพตสด