Home »
ธรรมชาติ
»
“บทสวดหลวงพ่อโสธร” ตั้งนะโมตัสสะ ๓ จบ แล้วว่าทุกวัน ชีวิตดี ค้าขายสะดวก เสริมโชคลาภ
“บทสวดหลวงพ่อโสธร” ตั้งนะโมตัสสะ ๓ จบ แล้วว่าทุกวัน ชีวิตดี ค้าขายสะดวก เสริมโชคลาภ
“บทสวดหลวงพ่อโสธร” ตั้งนะโมตัสสะ ๓ จบ แล้วว่าทุกวัน ชีวิตดี ค้าขายสะดวก เสริมโชคลาภ
เรื่องโชคชะตานั้นบางทีเราก็มิอาจจะควบคุมได้
แต่ไม่ใช่ว่าจะปล่อยไปเลยตามเลย เพราะบางอย่างเราก็ฝืนชะตาได้เหมือนกัน
วันนี้มีบทสวดดีๆ อยากจะมีแนะนำทุกท่านและขอกราบนมัสการหลวงพ่อโสธร
บทสวดหลวงพ่อโสธร ที่นำมาฝากหากใครสวดแล้วขอพรอะไรก็จะสมหวัง
แต่จะต้องตั้งใจ ตั้งจิตและทำบุญ มีบารมีด้วยนะ
หากเป็นคนไม่ดีต่อให้พรดีแค่ไหนก็ไม่ช่วย
ฉะนั้นก็อย่าลืมทำตนให้เหมาะสมกับพรด้วย
สวดแล้วจะเสริมบารมีให้แกร่งขึ้นและเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอย่างมาก
บทสวดหลวงพ่อโสธรนั้นเป็นอภิมหามงคลยิ่งใหญ่เลย
ใครสวดอย่างตั้งใจแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ทำมาหากินคล่องตัว ค้าขายร่ำรวย
ธุรกิจดี การงานราบรื่น การเงินไม่ติดขัด
และทำให้ปลอดภัยจากอันตรายจากคนที่หวังร้ายกับเราอีกด้วยนะ
ใครอยากจะสวดแล้วชีวิตดีก็อ่านแล้วสวดตามกันได้เลย
ก่อนจะทำการสวดมนต์คาถาหลวงพ่อโสธร
อยากให้ทุกท่านนั่งสมาธิอย่างน้อยให้ได้ 1 นาที จากนั้นก็ค่อยตั้ง นะโม 3
จบ แล้วก็สวดคาถาหลวงพ่อโสธร (องค์กลาง) ได้เลย คาถามีอยู่ว่า
“อิติ อิติ อิติ โสธโร นโม พุทธา ยะ ยะธา พุธโมนะ คาถาบูชาพระพุทธโสธร
กายะนะ วาจายะวะ วาโสธะรัง นามะ อิติปาริหะ ริยะการัง พุทธธะ รูปัง อะหังปิ
วัณทามิ สัพพะโส”
คาถาบูชาพระ 5 องค์ ของหลวงพ่อโสธร
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
นะ ทรงฟ้า โม ทรงดิน พุทธ ทรงสินธุ์ ธา ทรงสมุทรยะ ทรงอากาศ
พุทธังแคล้วคลาด ธัมมัง แคล้วคลาด สังฆัง แคล้วคลาด
ศั ต รู ภั ย พ า ล วิ น า ศ สั ติ นะกาโร กุกกุสันโธ
สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร
กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธากาโร ศรีศากะยะมุนี
โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย
ชิวหาทีเต ปัจจะพุทธา นะมามิหัง
คาถาบูชาหลวงพ่อโสธร : คาถาบูชาหลวงพ่อโสธรนี้
ภาวนาทุกวันจะปลอดภัย ป้องกันอันตรายทั้งปวง ร่มเย็นเป็นสุขตลอดชีวิต
อีกทั้งมีเมตตามหานิยม ซื้อง่ายขายคล่อง นำมาซึ่งโภคทรัพย์
เมื่อได้บทความกันไปแล้วก็อยากจะให้ทุกคนมาอ่านความเป็นมาของหลวงพ่อโสธรแบบสั้นๆ
ลองดูจะได้เข้าถึงท่านได้มากขึ้น ประวัติศาสตร์ความเป็นมามีว่าอย่างไร
จะได้ระลึกถึงได้ถูก เรื่องราวก็มีว่า “เรื่องราวที่เล่าขานกันมานาน
เริ่มตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีพระพุทธรูปลอยน้ำมา 3
องค์ที่แม่น้ำบางปะกง พอมาถึงบริเวณสถานที่แห่งหนึ่ง
มีชาวบ้านเห็นพระพุทธรูปลอยน้ำมา จึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง
ด้วยการเอาเรือออกไปอัญเชิญช่วยกันยกขึ้นเรือ
แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะยกเอาขึ้นมาไม่ไหว
จึงเปลี่ยนวิธีการเป็นเอาเชือกเส้นใหญ่ไปคล้ององค์พระทั้ง 3
องค์อย่างแน่นหนา แล้วช่วยกันชักลากขึ้นมาบนฝั่ง
ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจของชาวบ้านในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก
เพราะทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ
ชาวบ้านพยายามลองอยู่หลายครั้งหลายวิธีก็ไม่สำเร็จ
จนกระทั่งเชือกขาดรั้งเอาไว้ไม่อยู่ ประกอบกับ
กระแสน้ำเกิดปาฏิหาริย์ปั่นป่วนขึ้นมาเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ทำให้พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์จมหายไป
ท่ามกลางความเสียดายของผู้คนซึ่งเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน
ต่างพากันยกมือไหว้ท่วมศีรษะ
บางคนก็พูดว่าไม่มีบุญเพียงพอ ที่จะอัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง 3
องค์ขึ้นมาได้ ทำให้ผู้คนในสมัยนั้นโจษขานกันต่างๆ นานา บ้างก็ว่า
เทวดาฟ้าดินไม่โปรด หลวงพ่อก็ไม่ยอมประดิษฐานอยู่บนฝั่ง
เรื่องราวโจษขานกันไปมากมายนี้ ทำให้ชาวบ้านพากันเรียกสถานที่
ที่พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ มาสำแดงปาฏิหาริย์ลอยวนทวนน้ำไปมาว่า “สามพระทวน”
เรียกกันเรื่อยไปนานเข้าก็เพี้ยนกลายเป็น “สัมปทวน” กันไปในที่สุด
ตามตำนานเล่าว่าพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ที่ลอยมาในแม่น้ำบางปะกงนั้น
องค์หนึ่งลอยไปทางบางพลี ไปผุดขึ้นที่คลองวัดบางพลี
ชาวบ้านอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานเอาไว้ที่วัดบางพลีได้โดยง่าย
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพระพุทธรูปองค์นี้ ท่านต้องการจะประดิษฐานอยู่ ณ
ที่ตรงนั้นก็เป็นได้ ปัจจุบันคือ หลวงพ่อโต วัดบางพลี สมุทรปราการ
อีกองค์หนึ่งลอยไปที่บริเวณบ้านแหลมสมุทรสงคราม
ชาวบ้านตีอวนได้องค์พระขึ้นมา แล้วอัญเชิญไปประดิษฐาน ที่วัดบ้านแหลม
หรือในปัจจุบันคือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือที่รู้จักกันดีคือ
หลวงพ่อวัดบ้านแหลม สมุทรสงคราม และอีกองค์หนึ่งผุดขึ้นมาที่แม่น้ำบางปะกง
ที่หน้าวัดเสาธงทอนหรือ “วัดโสธรในปัจจุบัน”
เรื่องราวของหลวงพ่อโสธีก็มีที่มาประมาณนี้
หากใครอยากจะทราบประวัติเพิ่มเติมก็ลองไปหาอ่านเพิ่มกันดู
มีข้อมูลประวัติศาสตร์ความเป็นมามากมายในอินเตอร์เน็ตยุคนี้การจะหาข้อมูลอะไรมันก็ง่ายมาก
ๆ
หลายคนประสบความสำเร็จในชีวิตก็เนื่องมาจากมีความเชื่อและศรัทธาในองค์หลวงพ่อโสธรและบทสวดนี่แหละ
แต่ถ้าใครไม่เชื่อแล้วยังลบหลู่ก็ไม่แปลกเลยที่ชีวิตจะเจอแต่ปัญหา
บางอย่างแม้เราไม่เห็นด้วยตาสัมผัสไม่ได้ด้วยกายอันนี้ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นจะไม่มี
พลังงานบางอย่าง คาถาคุ้มภัย สิ่งต่าง ๆ
เหล่านี้มีอยู่จริงเพียงแต่ไม่สามารถให้เราได้สัมผัสได้เท่านั้นทุกอย่างล้วนอยู่ที่ใจศรัทธาและเชื่อมั่นต่อสิ่งนั้นเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : siamlife24