Home »
สาระ ความรู้
»
“ตำลึง” สุดยอดผักพื้นบ้าน สารพัดประโยชน์ สรรพคุณทางยามหาศาล
“ตำลึง” สุดยอดผักพื้นบ้าน สารพัดประโยชน์ สรรพคุณทางยามหาศาล
ตำลึง เป็นผักที่หลายคนคุ้นเคยกันตั้งแต่เด็ก
ซึ่งตำลึงเป็นผักริมรั้วที่สามารถขึ้นได้ง่ายมาๆ
ทั้งนั้ผักริมรั้วชนิดนี้มีสรรพคุณทางามหาศาล
อีกทั้งยังมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงร่างกายเป็นอย่างนี้
วันนี้จึงขอนำเสนอประโยชน์ดี ๆ ของตำลึง
ใครอ่านจบแล้วรีบหามากินด่วนเลยนะคะ
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ของตำลึง
ตำลึงจัดเป็นพืชในตระกูลไม้เลื้อย มีใบเป็นใบเดี่ยว มีมือเกาะ
ใบตำลึงจะแผ่เว้าเป็น 5 แฉก ขนาดใบตำลึงมีความกว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตร
โคนใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลมมน ผิวใบเกลี้ยง ก้านใบยาว 3-6 เซนติเมตร
ดอกตำลึงมีสี เป็นดอกเดี่ยว แยกเพศ ดอกตำลึงเพศผู้จะมีขนาด 4-6
เซนติเมตร 1 ดอก มีอยู่ 5 กลีบ เกสรตัวผู้ 3 อัน ส่วนดอกตำลึงเพศเมีย
เกสรจะแยกเป็น 3-5 แฉก ส่วนกลีบดอกเหมือนดอกตำลึงเพศผู้ทุกประการ
ตำลึงมีผลด้วยนะ ผลตำลึงมีรูปทรงป้อม ขอบขนาน ขนาดผลกว้างประมาณ 2.5
เซนติเมตร ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ถ้าผลตำลึงอ่อนจะมีสีเขียว
ผลตำลึงแก่จะมีสีส้มออกแดง ข้างในผลตำลึงจะมีเมล็ดลักษณะแบนรี ขนาดประมาณ
2-3 มิลลิเมตร จำนวนมาก
สรรพคุณของตำลึง
1. บำรุงสายตา
แหล่งวิตามินเอที่สำคัญที่เราสามารถหาได้จากอาหารก็ต้องยกให้ตำลึงเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินเอเลยล่ะค่ะ
และนอกจากวิตามินเอแล้ว
เบต้าแคโรทีนในตำลึงยังเป็นสารต้านอนุมูลอสsะที่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นวิตามินเอได้อีก
ดังนั้นตำลึงจึงจัดเป็นอาหารบำรุงสายตาตัวจี๊ดที่หากินได้ง่าย ๆ
แถมยังอร่อยด้วย
2. เสริมภูมิต้านทาน
จะเห็นได้ว่าตำลึงมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอค่อนข้างสูง
ส่วนนี้จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้เราไม่ป่วยไข้ได้ง่าย ๆ
โดยเฉพาะอาการไข้หวัด ซึ่งหากร่างกายขาดวิตามินเอ
ก็มีโอกาสจะป่วยไข้ได้ง่ายเลย
3. ตำลึงรักษาเบาหวาน
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า
ตำลึงเป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสsะอย่างฟลาโวนอยด์ค่อนข้างสูง
สามารถช่วยรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งโรคเบาหวาน
เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบว่าตำลึงช่วยลดน้ำตาลในเลืoดได้
ส่วนในใบตำลึงก็มีสารต้านอนุมูลอิสsะอยู่หลายชนิด
จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้นั่นเอง
ทั้งนี้การกินตำลึงเพื่อลดน้ำตาลในเลืoด
สามารถทำได้โดยใช้เถาแก่ของตำลึงประมาณครึ่งถ้วย นำมาต้มกับน้ำ
หรือนำน้ำคั้นจากผลตำลึงดิบ ๆ ดื่ม 2 ครั้ง เช้า-เย็น
น้ำตำลึงก็จะช่วยลดน้ำตาลในเลืoดได้
4. บำรุงกระดูก
จากการศึกษาของสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า
ใบตำลึงมีแคลเซียมสูง
และแคลเซียมจากตำลึงยังเป็นแคลเซียมชนิดที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เทียบเท่ากับแคลเซียมที่อยู่ในนมวัว
ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้นมวัว
หรือดื่มนมแล้วท้องเสียก็สามารถหันมารับแคลเซียมจากตำลึงแทนได้เช่นกัน
5. แก้อาการแสบคันจากเเมลงสัตว์กัดต่อย
ใบตำลึงมีฤทธิ์เย็น ช่วยดับร้อนจากเเมลงสัตว์กัดต่อยได้ในระดับหนึ่ง
โดยให้ล้างแผลด้วยน้ำไหลให้สะอาด
จากนั้นใช้ใบตำลึงไม่แก่จัดหรืออ่อนจัดจนเกินไป ล้างใบตำลึงให้สะอาด
จากนั้นขยี้ใบตำลึงแล้วมาประคบผิวบริเวณที่ถูกเเมลงสัตว์กัดต่อยสักพัก
อาการแสบคันจะบรรเทาขึ้น แต่หากอาการแสบร้อนยังไม่หาย
ให้หมั่นเปลี่ยนใบตำลึงบ่อย ๆ แต่หากอาการแสบร้อนหาย แต่อาการคันไม่หาย
แนะนำให้ใช้ยาทาแก้คันแผนปัจจุบันร่วมด้วย
6. ช่วยย่อยอาหาร
ใบตำลึงและเถาตำลึงมีเอนไซม์อะไมเลสอยู่มาก
ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้งได้ดี
ดังนั้นใครมีอาการแน่นท้อง ท้องอืดจากอาหารไม่ย่อย
โดยเฉพาะคนที่กินแป้งเข้าไปมาก ๆ ให้ใช้ใบตำลึงประมาณ 1 กำมือ
ผสมกับเถาตำลึงเด็ดขนาดเท่านิ้วก้อย 1 กำมือ โขลกรวมกันจนเป็นเนื้อเดียว
จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำตำลึงมาผสมน้ำอุ่น 1 แก้วกาแฟ กินก่อนอาหารประมาณ 5-10
นาที เพื่อเรียกน้ำย่อย หรือจะใช้ใบตำลึงแก่ลวกพอสุก
กินเป็นผักเคียงพร้อมกับอาหารในแต่ละมื้อเลยก็ได้
สรรพคุณทางยาของตำลึง
สรรพคุณของตำลึงมีประโยชน์แทบจะทุกส่วนของต้นเลยก็ว่าได้ โดยสามารถจำแนกสรรพคุณทางยาของตำลึงได้ดังนี้
– ใบ มีรสเย็น สรรพคุณดับร้อน แก้แสบคัน บรรเทาเริม งูสวัด โดยนำใบมาขยี้คั้นเอาแต่น้ำ แล้วทาบริเวณที่เป็น
– เถา มีรสเย็น สรรพคุณช่วยรักษาโsคตาเจ็บ ใช้แก้ตาฟาง ตาช้ำ โดยใช้เถาโขลกพอแหลก แล้วนำมาประคบตา
– ดอก ใช้แก้คัน คั้นเอาแต่น้ำ มาทาบริเวณที่คัน
– ผล รักษาผิว รักษาอาการอักเสบของหลอดลม และช่วยลดน้ำตาลในเลืoด โดยคั้นน้ำจากผลสดมาดื่ม 2 ครั้ง
– เมล็ด นำมาตำกับน้ำมันมะพร้าว ใช้แก้หิด
– ราก ใช้ต้มกับน้ำดื่มลดไข้ ลดอาเจียน
– ต้น ใช้กำจัดกลิ่นตัว น้ำต้มจากต้นตำลึงรักษาเบาหวานได้
แหล่งที่มา : tnews.co.th