ยังไม่ทันจะสงกรานต์ ข่าวอุบัติเหตุ ทั้งไฟไหม้ และรถชน
ก็กลายเป็นข่าวดังมาให้เห็นอยู่เป็นระยะ เริ่มจาก 20 มีนาคม
เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ถึง 4 แห่งในวันเดียวกัน
ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ถนนรัชดาภิเษก
เกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในอาคารการประปาส่วนภูมิภาค สํานักงานใหญ่ ซอยแจ้งวัฒนะ
เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในชุมชนคลองเตยล็อค 1 2 3
เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนซอยหมู่บ้านทุ่งเศรษฐี 12 ถนนรามคำแหง 2
ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เป็นข่าวดัง กรณีลูกชายโหน่ง ชะชะช่า ขับ BMW ชนคู่กรณีจนเสียชีวิต
(ภาพประกอบไฟไหม้ร้านนิวส์ จาก : ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ทีนิวส์)
เกิดเหตุไฟไหม้ เวลา 22.30 น.วันที่ 3 เมษายน เพลิงไหม้ร้าน นิวส์ กทม. สถานบริการร้านอาหารกึ่งผับ เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ นักท่องเที่ยวหนีตายกันอลหม่าน
และในวันเดียวกันก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ ตลาดศรีเมือง ที่เป็นข่าวดังผ่านไปสดๆ ร้อนๆ
โดยทางทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์ ได้นำเสนอคำทำนายไปเมื่อปลายเดือน มีค. ที่ผ่านมา โดยเรียบเรียงจากคำสัมภาษณ์และข้อมูลจากหนังสือ "ดวงเมือง ดวงคน 2560" นั้น
จากสถิติทางด้านวิชาโหราศาสตร์ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ เปิดเผยว่าในช่วงนี้ จนถึงสงกรานต์ เป็นช่วงที่ดาวใหญ่โคจรวิปริต อยู่หลายดวง อีกทั้งดาวพฤหัสซึ่งเป็นประธานของดาวศุภเคราะห์ยังอ่อนกำลังลงในดวงเมือง ดังนั้น ทั้งดวงเมืองไทย และดวงของผู้เกิดราศีเมษ เป็นดวงชะตาที่มีผลกระทบมากเป็นพิเศษในช่วงนี้
ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ดาวอังคารก็ย้ายเข้าไปอยู่ราศีเมษ ซึ่งเป็นราศีธาตุไฟ เสริมให้ยิ่งร้อนกันเข้าไปใหญ่ เพราะอังคารคือดาวนักรบ ความวู่วาม โทสะ และอุบัติเหตุ ซ้ำดาวอังคารยังย้ายเข้ามาเจอกับอาทิตย์ในดวงเมือง ซึ่งมีมฤตยูทับรอไว้อยู่มานาน 1 ปีก่อนแล้ว สรุปแล้วทุกดวงที่มารวมกันเป็นดาวบาปเคราะห์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอังคาร อาทิตย์ มฤตยู ต่างมาชุมนุมกันอยู่ที่ราษีเมษ ซึ่งเป็นธาตุไฟ ทำให้เรามักเห็น อุบัติเหตุ อุบัติภัยเรื่องไฟไหม้ เป็นต้น ดังตำราว่า
“อังคารคาดอาทิตย์
เกิดไฟภัยพิษ แผดด้วยหมู่ศัตรูทมิฬ
จะต้องเขี้ยวงา เนื้อพังหนังภินท์
พ้องพิษมหิทธิหิน นิทานฤาษีเสียพรต”
ดังนั้น ทั้งดวงเมืองไทย และดวงของผู้ที่เกิดราศีเมษ จึงโดนอิทธิพลของดาวบาปเคราะห์ 2 ดวง ประดังเข้ามา (อังคารและมฤตยู) จะเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเภทภัยมากกว่าราศีอื่นๆ จึงต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ และควบคุมอารมณ์จิตใจความรู้สึกเป็นอย่างหนัก อย่าทำตนเหมือน “ฤาษีเสียพรต” ถ้าขาดสติไม่ยับยั้งอารมณ์ ก็ทำให้เกิดเรื่องเกิดราวได้ เพราะดาวบาปเคราะห์ทั้งสองดวง ให้ผลไปในทางเสริมความรุนแรง ลึกลับซับซ้อน กว่าพระอังคารจะเคลื่อนออกไปอีกครั้ง ก็ต้องรอจนถึงสงกรานต์คือ 13 เมษายน
และเมื่อดาวอังคารย้ายอีกครั้งไปสถิตย์อยู่ที่ราศีพฤษภในช่วงสงกรานต์ (13 เมษายน) จึงเป็นคิวของคนราศีพฤษภที่จะงานเข้าบ้าง แต่กระนั้นคนราศีเมษ แม้จะยังต้องเผชิญความทุกข์อยู่ (เพราะดาวบาปเคราะห์ยังคงอยู่อีกหลายดวง) โดยเฉพาะมฤตยูที่ทับอยู่แต่เดิมเมื่อ1ปีที่ผ่านมาและจะคงอยู่ไปอีกหลายปี อย่างไรเสียก็พอทำให้หายใจหายคอได้บ้าง แต่ก็อย่าประมาท ยังต้องระมัดระวังตัวต่ออุบัติเหตุเภทภัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ดาวเสาร์เป็นอีกดวงที่ต้องพิจารณา เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ดาวเสาร์ได้ย้ายจากราศีธาตุน้ำมาธาตุไฟ พิจิก (ธาตุน้ำ) เข้าธนู (ธาตุไฟ) ในภพศุภะ ของดวงเมือง จนกระทั่งถึงวันที่ 18 เมษายน ก็จะเดินถอยหลังออกจากธนูกลับไปอยู่ราศีพิจิกดังเดิม
ตามคัมภีร์ “พระอภิธรรมอรรถสาลินี” ที่พระพุทธโฆษาจารย์ ได้นิพนธ์ไว้ ซึ่งกล่าวถึงเรื่องของดวงดาวโคจรวิปริต ในกรณีเช่นในดาวเสาร์เดินถอยหลังนี้ว่า
“พระเสาร์แลอังคารท่านภิปราย
พักรในราศีร้ายจำเพาะมี
คือพฤษภสิงห์มีนธนูพักร์
ว่าร้ายนักทำนายไว้สี่ราศี
จะเกิดความฉิบหายวายชีวี
พระธรณีจะดูดกินซึ่งเลือดคน”
ดังนั้นดาวเสาร์ครั้งนี้ “พักร์” (โคจรวิปริต) ที่ราศีธนู ซึ่งอิทธิพลนี้ส่งผลไปถึงยังกลุ่มคน 4 ราศีด้วยกัน คือ ธนู กุมภ์ พฤษภ และกันย์ ราศีตามที่กล่าวต้องระวังตัวให้มาก ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.-17 เม.ย. เป็นช่วงที่จะเกิดความเสียหาย เกิดความสูญเสียรุนแรง จะเกิดภัยธรรมชาติต่างๆ รวมทั้งอุบัติเหตุด้วย ต้องระวังเพราะตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์พอดี ซึ่งมักจะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทุกปี
การจะสงบพลังงานที่ร้อนรน รุนแรงนั้น ก็ต้องดับด้วยความสงบนิ่งเป็นหลัก ขอให้ผู้ที่เกิดราศีดังกล่าว ทั้ง เมษ ธนู กุมภ์ พฤษภและกันย์ มีสติให้มาก หากมีเวลาควรถือศีล สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม มีจิตใจที่มั่นคงหนักแน่น แจ่มใส ก็จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
ขอให้ทุกท่านโชคดี
อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ (นายกสมาคมโหราศาสตร์ นานาชาติ)
เรียบเรียงโดย