คุณพระปะทะคุณไสย
วัดอินทรวิหารในปี พ.ศ.2460
ขณะนั้นท่านพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จันทเกสโร) ยังคงเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ได้เกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับการลองดีด้วยคุณไสยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
หลวงปู่ภูท่านเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านพระเวทวิทยาคม ท่านได้ช่วยผู้คนจากการถูกกระทำด้วยคุณไสยไว้มากมาย ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุให้ท่านถูกปองร้ายด้วยคุณไสยมาครั้งหนึ่ง ดังที่คุณตาทองดำคชเสนี ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองได้เห็นมากับตาว่า หลวงปู่ภูจะออกกำลังด้วยการใช้ไม้กวาดด้ามยาวปัดกวาดลานหน้ากุฏิและเลยไปจนถึงพื้นที่ใกล้เคียง เช้าวันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใส คุณตาทองดำสังเกตเห็นว่าหลวงปู่ภูหยุดกวาด แล้วมองไปซ้ายทีขวาทีจึงเดินกวาดต่อไปอย่างเงียบๆ
ทันไดนั้นท่านก็หยุดกวาด แล้วยกปลายไม้กวาดด้ามยาวขึ้นปัดในอากาศ ตอนแรกก็ปัดอากาศเปล่าๆ แต่พออีกครั้งหนึ่งก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงติดตามมา
แล้วหลวงปู่ภูก้มลงกวาดพื้นต่อไปอย่างเงียบๆ คราวนี้มีเสียงหวีดดังแหวกอากาศมา หลวงปู่ภูท่านจึงยืนหยัดเท้ามั่นอยู่กับพื้นแล้วใช้สองมือยกไม้กวาดด้าวยาวขึ้นหวดเหมือนจะรับอะไรสักอย่างเต็มแรง
เป็นถนัดว่าท่านถอยไปบ้างหลังสองก้าว ก่อนจะมีเสียงดังติดตามมาจนได้ยินถนัดหู เปรี๊ยะ พึ่บ ตึง เสียงเปรี๊ยะเป็นเสียงที่ด้ามไม้กวาดด้ามยาวกระทบกับของในอากาศ (ต่อมาคุณตาทองดำได้ดูปรากฏว่าด้ามไม้กวาดแตกออกเป็น 2 เสี่ยง) เสียงพึ่บเป็นเสียงคล้ายอะไรสักอย่าง ถูกแรงตวัดตอบกระเด็นไปทางกุฏิ ส่วนเสียงตึง เป็นเสียงของหนักตกลงกระทบพื้นชานหน้ากุฏิหลวงปู่ภู
คุณตาทองดำได้ยินเสียงหลวงปู่ภูร้องเรียก จึงละจากการรดน้ำต้นไม้หน้ากุฏิมาหาหลวงปู่ภู มันส่งเนื้อวัดสดๆ มาให้กู แต่กูตีมันกระเด็นไปบนชานกุฏิกูแล้ว มึงขึ้นไปรอกูก่อน เดี๋ยวกูจะตามขึ้นไปอย่าไปยุ่งกับเนื้อนั่นไม่งั้นก็ช่วยไม่ได้
คุณตาทองดำขึ้นไปรอหลวงปู่ภูบนกุฏิ ครู่หนึ่งหลวงปู่ภูก็ขึ้นมาท่านเดินอ้อมก้อนเนื้อขนาดใหญ่น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม สีแดงสด เลือดยังเลอะพื้นกระดาน ท่านไปตักน้ำมนต์หน้าที่บูชาของท่านมา 1 จอก แล้วภาวนาคาถาเสกน้ำมนต์ครู่หนึ่งเทลงไปยังก้อนเนื้อปรากฏว่ามีควันสีเขียวลอยขึ้นมาแล้วหายไป
เอ้า พวกมึงเอาไปทำอะไรกินกัน เนื้อสันเปื่อยๆ มันส่งมาเป็นของขวัญพวกมึงไงล่ะ
สามวันต่อมา ขณะหลวงปู่ภูกำลังกวาดลานวันตอนเช้า แขกแปลกหน้าก็มาพบท่าน เป็นแขกจริงๆ นุ่งโสร่ง มีหมวกสวมศีรษะมาด้วยกัน 3 คน มาถึงก็มายืนต่อหน้าหลวงปู่ภู ในมือมีถาดใส่ผลไม้มาด้วย
พวกเรามาถวายผลไม้กับท่าน ท่านเก่งจริงๆ สามารถสกัดวิชาของพวกเราได้ แล้วยังมีเมตตาไม่ส่งกลับ พวกเรานับถือท่าน หลวงปู่ภูจึงถามแขกแปลกหน้าว่า แล้วหลักศาสนาเขาไม่ถือหรือ ที่เอาของมาให้คนนอกศาสนาอย่างนี้ แขก 3 คนที่มาได้ตอบว่า ไม่ผิดหรอก เพราะเราไม่ได้ยกมือไหว้ท่าน เราไม่ได้นับถือศาสนาท่าน แต่เราถวายท่านเป็นการส่วนตัว อย่างนี้ไม่ผิดหลัก ศาสนา
ชายแปลกหน้าทั้้งสามบอกกับหลวงปู่ภูว่ามีผู้ว่าจ้างให้ทำร้ายผู้คน แต่หลายรายมาหาหลวงปู่ภูว่ามีผู้ว่าจ้างให้ทำร้ายผู้คน แต่หลายรายมาหาหลวงปู่ภูและได้รับการแก้ไขจนของร้ายออกจากตัว ทำให้พวกเขาขาดรายได้ไปมากอยู่เหมือนกันจึงร่วมกันเสก
ของมาทำร้ายหลวงปู่ภูแต่ก็ถูกแก้ได้อีก และหากหลวงปู่ภู่ส่งของกลับพวกเขาก็จะต้องตายแต่หลวงปู่ภูไม่ทำ
ต่อมาเมื่อวันหนึ่งในปี พ.ศ. 2465 ตอนบ่าย ก็ได้มีผู้นำเอาร่างของชายวัยกลางคนที่สลบไสลไม่ได้สติมาหาหลวงปู่ภูที่กุฏิเสียงลั่น
วัดอินทรวิหารในปี พ.ศ.2460
ขณะนั้นท่านพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จันทเกสโร) ยังคงเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ได้เกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับการลองดีด้วยคุณไสยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
หลวงปู่ภูท่านเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านพระเวทวิทยาคม ท่านได้ช่วยผู้คนจากการถูกกระทำด้วยคุณไสยไว้มากมาย ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุให้ท่านถูกปองร้ายด้วยคุณไสยมาครั้งหนึ่ง ดังที่คุณตาทองดำคชเสนี ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองได้เห็นมากับตาว่า หลวงปู่ภูจะออกกำลังด้วยการใช้ไม้กวาดด้ามยาวปัดกวาดลานหน้ากุฏิและเลยไปจนถึงพื้นที่ใกล้เคียง เช้าวันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใส คุณตาทองดำสังเกตเห็นว่าหลวงปู่ภูหยุดกวาด แล้วมองไปซ้ายทีขวาทีจึงเดินกวาดต่อไปอย่างเงียบๆ
ทันไดนั้นท่านก็หยุดกวาด แล้วยกปลายไม้กวาดด้ามยาวขึ้นปัดในอากาศ ตอนแรกก็ปัดอากาศเปล่าๆ แต่พออีกครั้งหนึ่งก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงติดตามมา
แล้วหลวงปู่ภูก้มลงกวาดพื้นต่อไปอย่างเงียบๆ คราวนี้มีเสียงหวีดดังแหวกอากาศมา หลวงปู่ภูท่านจึงยืนหยัดเท้ามั่นอยู่กับพื้นแล้วใช้สองมือยกไม้กวาดด้าวยาวขึ้นหวดเหมือนจะรับอะไรสักอย่างเต็มแรง
เป็นถนัดว่าท่านถอยไปบ้างหลังสองก้าว ก่อนจะมีเสียงดังติดตามมาจนได้ยินถนัดหู เปรี๊ยะ พึ่บ ตึง เสียงเปรี๊ยะเป็นเสียงที่ด้ามไม้กวาดด้ามยาวกระทบกับของในอากาศ (ต่อมาคุณตาทองดำได้ดูปรากฏว่าด้ามไม้กวาดแตกออกเป็น 2 เสี่ยง) เสียงพึ่บเป็นเสียงคล้ายอะไรสักอย่าง ถูกแรงตวัดตอบกระเด็นไปทางกุฏิ ส่วนเสียงตึง เป็นเสียงของหนักตกลงกระทบพื้นชานหน้ากุฏิหลวงปู่ภู
คุณตาทองดำได้ยินเสียงหลวงปู่ภูร้องเรียก จึงละจากการรดน้ำต้นไม้หน้ากุฏิมาหาหลวงปู่ภู มันส่งเนื้อวัดสดๆ มาให้กู แต่กูตีมันกระเด็นไปบนชานกุฏิกูแล้ว มึงขึ้นไปรอกูก่อน เดี๋ยวกูจะตามขึ้นไปอย่าไปยุ่งกับเนื้อนั่นไม่งั้นก็ช่วยไม่ได้
คุณตาทองดำขึ้นไปรอหลวงปู่ภูบนกุฏิ ครู่หนึ่งหลวงปู่ภูก็ขึ้นมาท่านเดินอ้อมก้อนเนื้อขนาดใหญ่น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม สีแดงสด เลือดยังเลอะพื้นกระดาน ท่านไปตักน้ำมนต์หน้าที่บูชาของท่านมา 1 จอก แล้วภาวนาคาถาเสกน้ำมนต์ครู่หนึ่งเทลงไปยังก้อนเนื้อปรากฏว่ามีควันสีเขียวลอยขึ้นมาแล้วหายไป
เอ้า พวกมึงเอาไปทำอะไรกินกัน เนื้อสันเปื่อยๆ มันส่งมาเป็นของขวัญพวกมึงไงล่ะ
สามวันต่อมา ขณะหลวงปู่ภูกำลังกวาดลานวันตอนเช้า แขกแปลกหน้าก็มาพบท่าน เป็นแขกจริงๆ นุ่งโสร่ง มีหมวกสวมศีรษะมาด้วยกัน 3 คน มาถึงก็มายืนต่อหน้าหลวงปู่ภู ในมือมีถาดใส่ผลไม้มาด้วย
พวกเรามาถวายผลไม้กับท่าน ท่านเก่งจริงๆ สามารถสกัดวิชาของพวกเราได้ แล้วยังมีเมตตาไม่ส่งกลับ พวกเรานับถือท่าน หลวงปู่ภูจึงถามแขกแปลกหน้าว่า แล้วหลักศาสนาเขาไม่ถือหรือ ที่เอาของมาให้คนนอกศาสนาอย่างนี้ แขก 3 คนที่มาได้ตอบว่า ไม่ผิดหรอก เพราะเราไม่ได้ยกมือไหว้ท่าน เราไม่ได้นับถือศาสนาท่าน แต่เราถวายท่านเป็นการส่วนตัว อย่างนี้ไม่ผิดหลัก ศาสนา
ชายแปลกหน้าทั้้งสามบอกกับหลวงปู่ภูว่ามีผู้ว่าจ้างให้ทำร้ายผู้คน แต่หลายรายมาหาหลวงปู่ภูว่ามีผู้ว่าจ้างให้ทำร้ายผู้คน แต่หลายรายมาหาหลวงปู่ภูและได้รับการแก้ไขจนของร้ายออกจากตัว ทำให้พวกเขาขาดรายได้ไปมากอยู่เหมือนกันจึงร่วมกันเสก
ของมาทำร้ายหลวงปู่ภูแต่ก็ถูกแก้ได้อีก และหากหลวงปู่ภู่ส่งของกลับพวกเขาก็จะต้องตายแต่หลวงปู่ภูไม่ทำ