ทุกครั้งที่มีข่าวไฟไหม้บ้านหรืออาคารห้างร้านต่างๆ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นที่มักพูดถึงกัน คือ
ไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งไม่ใช่เรื่องใกล้ตัวเราเลยและอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ถ้าเจ้าของบ้านละเลยไม่ได้หมั่นตรวจตราสายไฟในบ้าน ส่วนสาเหตุของอาการ
ลัดวงจร ก็มีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น สายไฟเก่า เสื่อมสภาพ
ปลอกสายไฟชำรุดจนเห็นสายนำไฟข้างใน เมื่อสายไฟมาสัมผัสก็จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
หรือเกิดจากการเลือกใช้สายไฟไม่เหมาะกับปริมาณไฟที่ใช้ ที่เห็นกันบ่อยๆ
คือ
การใช้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายเครื่องที่ปลั๊กพ่วงอันเดียวกัน เราจะมีวิธีแก้ไขและป้องกันอย่างไร
มาดูกันเลยค่ะ
1.ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน
ไม่นำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เก่า ชำรุด บุบ มีรอยถลอก โดนหนูกัดสายไฟ ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมหรือไม่ โดยดูจากยี่ห้อที่ประทับบนสายไฟต้องชัดเจน มีเครื่องหมายมาตรฐานมอก. อย่าเสี่ยงกับของถูกไม่ได้มาตรฐานเลยค่ะ
2.ติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
หลายคนคงเคยได้ยิน Safety Cut เบรกเกอร์ต่างๆ ที่ช่วยตัดไฟเมื่อเราใช้ไฟเกิน แนะนำให้ติดตั้งได้เลยค่ะ ช่วยได้ปลอดภัยชัวร์
3.ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งาน
ปิดสวิตช์ไฟและถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งาน ไม่เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและเสียบปลั๊กไฟติดต่อกันนานๆ ไม่เสียบปลั๊กไฟจำนวนมากกับเต้าเสียบเดียวกัน
4.เลือกสายไฟให้เหมาะกับการใช้ไฟ
สายไฟแต่ละขนาดจะกำหนดไว้อย่างชัดเจนที่ตัวสายไฟว่า รับกระแสไฟฟ้าได้เท่าไหร่ หากเรานำเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเสียบใช้งาน หากเครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟมากกว่าที่สายไฟจะรับได้ จะทำให้สายไฟเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติ มีโอกาสที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้สูง
รีบตัดกระแสไฟฟ้า
เมื่อพบว่าเริ่มมีประกายไฟ ให้ตั้งสติเป็นอันดับแรก จากนั้นให้หาวิธีปิดสวิตช์ไฟหรือถอดปลั๊กไฟ พร้อมใช้ถังดับเพลิงชนิดสารเหลวระเหย ฉีดพ่นบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งข้อดีของวิธีนี้คือ สารจะระเหยไปในอากาศ ไม่เหลือคราบสกปรก ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่ได้รับความเสียหาย
1.ห้ามใช้น้ำและถังดับเพลิงชนิดฟองโฟม ดับไฟเด็ดขาดเพราะน้ำและโฟมเป็นสื่อนำไฟฟ้าชั้นดี ทำให้เสี่ยงต่อการถูกไฟดูดได้
2.เลี่ยงการใช้ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ถึงแม้วิธีนี้จะช่วยดับไฟได้ดีก็จริง แต่เมื่อฉีดพ่นแล้วทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจได้รับความเสียหายได้
CR : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, Pixabay
การป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
ไม่นำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เก่า ชำรุด บุบ มีรอยถลอก โดนหนูกัดสายไฟ ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมหรือไม่ โดยดูจากยี่ห้อที่ประทับบนสายไฟต้องชัดเจน มีเครื่องหมายมาตรฐานมอก. อย่าเสี่ยงกับของถูกไม่ได้มาตรฐานเลยค่ะ
2.ติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
หลายคนคงเคยได้ยิน Safety Cut เบรกเกอร์ต่างๆ ที่ช่วยตัดไฟเมื่อเราใช้ไฟเกิน แนะนำให้ติดตั้งได้เลยค่ะ ช่วยได้ปลอดภัยชัวร์
3.ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งาน
ปิดสวิตช์ไฟและถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งาน ไม่เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและเสียบปลั๊กไฟติดต่อกันนานๆ ไม่เสียบปลั๊กไฟจำนวนมากกับเต้าเสียบเดียวกัน
4.เลือกสายไฟให้เหมาะกับการใช้ไฟ
สายไฟแต่ละขนาดจะกำหนดไว้อย่างชัดเจนที่ตัวสายไฟว่า รับกระแสไฟฟ้าได้เท่าไหร่ หากเรานำเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเสียบใช้งาน หากเครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟมากกว่าที่สายไฟจะรับได้ จะทำให้สายไฟเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติ มีโอกาสที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้สูง
วิธีแก้ไขเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
เมื่อพบว่าเริ่มมีประกายไฟ ให้ตั้งสติเป็นอันดับแรก จากนั้นให้หาวิธีปิดสวิตช์ไฟหรือถอดปลั๊กไฟ พร้อมใช้ถังดับเพลิงชนิดสารเหลวระเหย ฉีดพ่นบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งข้อดีของวิธีนี้คือ สารจะระเหยไปในอากาศ ไม่เหลือคราบสกปรก ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่ได้รับความเสียหาย
ข้อควรระวัง!!
2.เลี่ยงการใช้ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ถึงแม้วิธีนี้จะช่วยดับไฟได้ดีก็จริง แต่เมื่อฉีดพ่นแล้วทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจได้รับความเสียหายได้
CR : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, Pixabay