อานิสงส์ที่ได้จากการบวชพระ บวชชีพราหมณ์

การบวช เป็นการที่ทำให้บุคคละรรมดาผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆไดเมากลายเป็นนักบวชของแต่ละศาสนาที่ตนเองนับถือ ในการบวชนั้นได้ประกอบด้วยพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งในแต่ละศาสนามีความเชื่อและความแตกต่ากันออกไป ผู้ที่กำลังเตรียมเข้าสู่การบวชเรียกว่า ผู้เตรียมบวช

ในพระพุทธศาสนา เรียกการบวชว่า การอุปสมบท แต่เดิมนั้น การบวชเรียกว่า บรรพชา ปัจจุบันคำว่าบรรพชาใช้กับการบวชสามเณร ในขณะที่อุปสมบทใช้กับการบวชพระภิกษุ

การบวชโดยนัยแล้วคือ การละทิ้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่เดิม สู่ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ใหม่ ตามครรลองแห่งมรรค เพื่อเป็นการง่าย เพื่อเป็นการสะดวก เป็นทางอันปลอดโปร่ง แก่การบรรลุถึงซึ่งวัตถุประสงค์ คือ ความบริสุทธิ์หลุดพ้น ปราศจากมิลทิน หมดจดจากความเศร้าหมอง และเป็นอิสระจากพันธนาการเครื่องร้อยรัดทั้งปวง

ในสมัยพุทธกาล การบวชมี 8 อย่าง ได้แก่

เอหิภิกขุอุปสัมปทา

เป็นการบวชที่พระโคตมพุทธเจ้าประทานแก่พระสาวกบางองค์ด้วยพระองค์เอง ด้วยการตรัสว่า “เอหิ ภิกขุ แปลว่า เธอจงมาเป็นภิกษุเถิด” พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นคนแรกและพระสุภัททะเป็นคนสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าทรงบวชด้วยวิธีนี้

ติสรณคมนูปสัมปทา

เป็นการบวชโดยให้ผู้ขอบวชเปล่งวาจาต่อหน้าพระสาวกว่าขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสามครั้ง ปัจจุบันวิธีนี้ใช้ในการบรรพชาสามเณร

ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา

เป็นการบวชโดยให้คณะสงฆ์ประชุมกันในอุโบสถ โดยมีพระภิกษุรูปหนึ่งแจ้งว่ามีผู้ขอบวช เมื่อประกาศครบสี่ครั้งไม่มีพระรูปใดคัดค้าน ถือว่าผู้ขอบวชได้รับการยอมรับให้เป็นพระภิกษุ

ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา

เป็นการบวชโดยที่พระพุทธเจ้าประทานครุธรรม 8 ประการ แก่พระนางมหาปชาบดีและสตรีชาวสากยะ 500 คน เมื่อพวกนางยอมรับครุธรรมก็ได้รับสถานะเป็นภิกษุณ

อัฏฐวาจิกาอุปสัมปทา

เป็นการบวชภิกษุณีโดยให้รับญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทาจากภิกษุณีสงฆ์ก่อนครั้งหนึ่ง และจึงรับญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทาจากภิกษุสงฆ์อีกครั้ง เมื่อผ่านการอุปสมบททั้งสองครั้งแล้วจึงเป็นภิกษุณี

โอวาทปฏิคคหณูปสัมปทา

เป็นการบวชโดยพระพุทธเจ้าประทานพระโอวาทแก่พระมหากัสสปะ เมื่อท่านรับโอวาทแล้วก็เป็นพระภิกษุ

ปัญหาพยากรณูปสัมปทา

เป็นการบวชโดยพระพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาของสามเณรโสปาก

ทูเตนอุปสัมปทา

เป็นการบวชโดยพระพุทธเจ้าทรงส่งทูตของพระองค์ไปบวชหญิงโสเภณีชื่ออัฑฒกาสี

การบวชพระ บวชชีพราหมณ์ ถือเป็นการบวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ หรืออุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งนอกจากจะสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่แล้วยังได้อานิสงส์มากมายอีกหลายอย่างดังต่อไปนี้

– หน้าที่การงานที่ทำอยู่มีความจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา

– เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลายลง

– สุขภาพแข็งแรงดี สมีติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย

– เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป

– สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนจากหนักเป็นเบา

– จิตใจสงบมากขึ้น ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต

– เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา

– ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ

– โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย

ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้าง ส่วนคนที่ส่งเสริมให้บุคคลใดได้บวชสนับสนุนส่งเสริมโดยไม่มีจิตที่บังคับใดๆ (ในที่นี่อาจจะเป็นพ่อแม่)

การให้คนได้บวช ก็จะได้อานิสงส์ผลบุญเหล่านี้ตามไปด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก : share-si