Home »
ข้อคิด
»
อย่าทำตัวเป็นม้าพันลี้ จริงๆแล้วไม่มีใครเก่งกว่าใครได้หรอก
อย่าทำตัวเป็นม้าพันลี้ จริงๆแล้วไม่มีใครเก่งกว่าใครได้หรอก
อย่าทำตัวเป็นม้าพันลี้ จริงๆแล้วไม่มีใครเก่งกว่าใครได้หรอก
คนเราเกิดมามี ค่ าค ว า ม เ ป็ น ค นเท่ากัน
แต่ละคนต่างมีทักษะที่ตัวเองถนัด ทักษะการเอา ตั ว ร อ ดต่าง ๆ
เพื่อให้ตนเองใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นบนโลกได้อย่ างไม่มีปัญหาอะไร
ลองอ่านเรื่องราวของม้าหนุ่มพันลี้ตัวนี้ลองดู
คุณอาจจะได้ข้อคิดเตือนใจจากเรื่องนี้ไม่น้อยเลย
ซึ่งมันสามารถเอามาเปรียบเทียบกับเรื่องราวของเราได้เหมือนกันว่าคนเราถ้าหากคิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครก็อาจจะเป็นเหมือนม้าตัวนี้
เรื่องก็มีอยู่ว่า ณ เมืองแห่งหนึ่งมีม้าหนุ่มพันลี้ตัวหนึ่ง ที่เก่ง
แข็งแรง วิ่งได้ในระยะทางเป็นพันลี้เลยโดยไม่เหน็ดเหนื่อยเลย วิ่งเร็วมาก ๆ
ตัวมันเองต่างรู้ว่าตัวเองนั้นวิ่งเก่งมากแค่ไหน
มันเลยเลือกคนที่จะขี่มันแน่นอนว่ามันรอ รอคนที่มีความรู้ มีความสามารุ
และดีเทียบเท่ากับมันเท่านั้นถึงให้ยอมขึ้นขี่หลัง
ในระหว่างนั้นเองก็มีคนเข้ามาหามันมากมายเลย
แล้วก็มีพ่อค้าคนหนึ่งเข้ามาม้าพันลี้ตัวนี้แล้วถามม้าว่า
“เจ้าจะยอมไปกับข้าหรือไม่ ” ซึ่งเจ้าม้าก็ส่ายหัวและตอบไปว่า “ม้าฝีเท้าดี
ๆ แบบข้า ทำไมจะต้องยอมไปกับเจ้า แค่ไว้ใช้งานส่งของด้วยล่ะ” ต่อมา ท ห า
รก็เข้ามาถามต่อเหมือนกันว่า “เจ้าจะยอมไปกับข้าหรือไม่”
ม้าก็ส่ายหัวและตอบว่า “เจ้าเป็นแค่ท ห า รธรรมดา
ทำไมข้าจะต้องไปรับใช้คนแบบเจ้าด้วยล่ะ” ต่อมาน า ย พ ร า น
ก็ได้เข้ามาถามว่า “เจ้าจะยอมไปกับข้าหรือไม่”
แน่นอนว่าม้าก็ยังคงส่ายหัวและปฏิเสธเหมือนเดิม
แล้วทำไมต้องไปทำงานหนักรับใช้น า ย พ ร า นแบบเจ้าด้วย
พอเวลาผ่ านไปนานหลายปีแล้ว
ก็ยังคงรอคนที่เหมาะสมซึ่งมีคนเข้ามาหามากมายแค่ไหนม้าพันลี้ตัวนี้ก็ไม่ยอมรับใครเลย
แล้วข่าวก็กระจายชื่อเสียงของม้าไปถึง วั ง ห ล ว ง เลยมีรับสั่งตามพ ร ะ
ร า ช โองการให้ขุ น น า ง ท่านหนึ่งไปตามหาม้าพันลี้
ไม่นานขุนนางก็ได้พบกับม้าจึงได้แนะนำตัวและไถ่ถามหา
พอม้าพันลี้รู้ว่ามีคนมาหาเป็น ขุ น น า งชั้นสูงก็ดีใจมาก ๆ
ที่ในที่สุดจะได้รับใช้คนที่เหมาะสมกับตัวเองที่รอมานาน ม้าเลยบอกไปว่า
“ข้าคือม้าพันลี้ ที่ท่านตามหาอยู่” แต่ก่อนที่ขุนนางจะพา ก ลั บ วั
งนั้นก็ถามม้าว่า “เจ้าเชี่ยวชาญเส้นทางในประเทศเราไหม” ม้าก็ตอบว่า “ไม่
เพราะข้าไม่ได้เดินทางไปไหนมานานมากแล้ว”
ขุนนางก็ถามต่อว่า “เจ้าเคยมีประสบการณ์ในการ สู้ ส ม ร ภู มิ
รบบ้างไหม” ม้าก็ตอบว่า “ไม่ ข้าไม่เคยเข้ าร่ ว ม ร บ เพราะข้าไม่รับใช้ ท
ห า รธรรมดาๆ ” ขุนนางก็ถามต่อว่า “เจ้าเคยเข้าป่าเพื่อให้คนขี่ใ ช้ วิ่ ง
ล้ า สั ต ว์ไหม” ม้าก็ตอบว่า “ไม่ ข้าไม่ใช่ม้าธรรมดา
ที่จะให้นายพรานมาใช้งานหรอก” ขุนนางเลยพูดขึ้นว่า
“แล้วข้าจะเอาเจ้าไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีก” ม้าก็ตอบไปว่า
“ข้าวิ่งเวลากลางวันได้ วันละพันลี้ และกลางคืนแปดร้อยลี้”
พอได้ยินแบบนั้นขุนนางก็ลองให้ม้าทดสอบวิ่งให้ดู
เพื่อดูความแข็งแกร่งที่เขาล่ำลือกัน
พอม้าวิ่งมันก็ภูมิใจที่ได้โชว์ความสามารถของตัวเอง
แต่มันวิ่งไปไม่กี่ก้าวมันก็เหนื่อย หายใจหอบแล้ว ขุนนางเลยบอกว่า
“เมื่อก่อนตอนหนุ่มเจ้าคงจะเก่งจริง ๆ ตามที่คนล่ำลือกัน
แต่ตอนนี้เจ้าแก่แล้ว ไม่ไหวแล้ว
ถ้าข้าเอาเจ้าไปคงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีกแล้ว”
พอพูดจบขุนนางก็เดินจากไปทันที ในขณะที่ม้ายังไม่หายหอบเลย
เรื่องนี้ก็สอนให้เรารู้ว่า การ อ ว ดดีคิดว่าตนเองเก่งเหนือใครนั้น อย่
าลืมว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าอยู่เสมอ พอเวลาผ่
านไปอายุก็มากขึ้นเรี่ยวแรงก็หายไป ฉะนั้นแล้วโอกาสบางอย่
างที่มันเข้ามาในช่วงจังหวะชีวิตก็ควรจะคว้าเอาไว้เป็นประสบการณ์
ถ้ามัวแต่รอสิ่งที่ดีที่สุดบางทีพอถึงเวลานั้นกลับเป็นตัวเองที่มีประสบการณ์ไม่มากพอ