Home »
Uncategories »
9 วิธีทีจะช่วยให้กิเลสเบาบางลง
9 วิธีทีจะช่วยให้กิเลสเบาบางลง
วิธีที่จะช่วยให้กิเลสเบาบางลง ทั้ง 9
ข้อนี้จะช่วยไม่ให้กิเลสปรากฏตัวออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำ
ช่วยให้เราสามารถจับจิตเอาไว้ได้ง่ายขึ้น
และจะส่งเสริมให้เราทำสิ่งที่ดีจนเป็นนิสัย
ข้อ 1 ควบคุมความอยาก
หากเราปล่อยให้ความโลภทำงาน จิตจะปั่นป่วน แรงใจในการทำงานก็จะหยุดชะงักลง
สิ่งสำคัญในการฝึกจิต
คือ ทำความเข้าใจถึงเหตุที่ทำให้เกิดความโลภและผลที่จะเกิดตามมา
แล้วตั้งใจตรวจดูจิตให้ได้มากเท่าที่จะทำได้
เพื่อไม่ให้ความโลภบุกรุกเข้ามาได้อีก
ข้อ 2 ควบคุมความโกรธ
หากเราให้พลังการผลักไสสิ่งที่ไม่ต้องการซึ่งมีที่มาจากความโกรธทำงานต่อไปเรื่อยๆ
เราจะรู้สึกกระวนกระวายใจ ภายในร่างกายก็จะเต็มไปด้วยสารพิษ
กลายเป็นแหล่งที่จะดึงเอาความทุกข์ทั้งหมดที่มีเข้ามา
ความโกรธเป็นกิเลสตัวที่ควรระวังและควรขจัดออกไปจากเรา
ข้อ 3 มองให้เห็นความเป็นจริง
เมื่อพลังแห่งความหลงทำงาน
จิตจะออกห่างจาก “ปัจจุบัน” กระจัดกระจายไปที่โน่นที่นี่
และกลายเป็นแหล่งเพาะความโลภและความโกรธ
การจะเห็นพลังงานความหลงที่เป็นต้นเหตุให้มองไม่เห็นความจริงนี้
จะต้องมีความใส่ใจที่ละเอียดมาก หากเรารู้ตัวแล้วป้องกันเอาไว้ได้
จิตที่มีความสงบเป็นปกติ ไม่สั่นไหว และแจ่มชัดก็จะเติบโตขึ้น
ข้อ 4 ไม่โกหก
ส่วนใหญ่แล้วการโกหกเกือบทั้งหมด
เป็นไปเพื่อการทำให้ความต้องการของตนเองบรรลุผล หากโกหกแล้วครั้งหนึ่ง
ก็จะต้องโกหกซ้ำอีกในครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย
ในแต่ละครั้งที่โกหก
สิ่งที่ผิดไปจากความเป็นจริงก็จะถูกใส่ลงไปในจิตใต้สำนึกทุกครั้ง
เมื่อทำซ้ำๆ จิตจะยิ่งสับสนวุ่นวาย
ทำให้ความสามารถในการควบคุมตนเองลดน้อยลง
สูญเสียสมาธิและความสามารถในการตัดสินใจไปทีละนิด
จึงควรระลึกเสมอว่าอย่าโกหก
ข้อ 5 ไม่วิพากษ์วิจารณ์โดยเอาความเห็นตัวเองเป็นใหญ่
เมื่อเรามีการวิพากษ์วิจารณ์
ด้วย “ทิฏฐิ” ซึ่งเป็นการยึดติดกับความคิดของตน พลังงานที่คอยบอกว่า “ฉัน!
ฉัน!” ก็จะเพิ่มขึ้น
และเนื่องจากมีความรู้สึกโจมตีฝ่ายตรงข้ามเข้ามาร่วมด้วย
พลังงานความโกรธก็จึงเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
การพูดเรื่องที่ไม่ดีหรือเขียนสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองรู้สึกไม่พอใจ
ภาพยนตร์ที่คิดว่าน่าเบื่อ เพลงหรือหนังสือที่ไม่ชอบ เป็นต้น
เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยบนโลกใบนี้
แต่นั่นเป็นเพียงการกระทำที่ทำให้ตัวเราแปดเปื้อนและดูน่ารังเกียจด้วยความโลภและความโกรธ
หากจะวิพากษ์วิจารณ์อะไร ให้ตรวจสอบจิตตัวเองให้ดีว่า
ทำไปด้วยความยึดติดในความคิดของตัวเองหรือเปล่า
ข้อ 6 ไม่นินทา
หากเรานินทาใครสักคน
จิตก็จะปั่นป่วนด้วยพลังงานความโกรธ แทนที่จะเป็นการระบายความเครียด
แต่กลับกลายเป็นการทำให้ความเครียดที่ซ่อนตัวอยู่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
ข้อ 7 ไม่พูดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์
โดยเฉพาะการพูดโอ้อวดตนนั้น
แม้ว่าฝ่ายที่พูดจะรู้สึกสนุก แต่ฝ่ายที่ฟังมักจะรู้สึกอึดอัด
เมื่อเราเล่าเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ เรามักพูดไปเรื่อยๆ
โดยไม่คำนึงถึงว่าในบทสนทนานี้เราจำเป็นต้องถ่ายทอดอะไรออกไป
หรืออีกฝ่ายได้ฟังเรื่องแบบใดจึงจะรู้สึกสนุก
นอกจากนี้ในขณะที่เรากำลังพูดกับอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ
นั้น ภายในจิตก็กำลังกระตุ้นความต้องการที่ว่า “เข้าใจฉันสิ!
ยอมรับฉันสิ!” อยู่ด้วย จำไว้ว่า การโวยวายเรียกร้องให้คน “ยอมรับสิ!”
นั้นกลับจะยิ่งทำให้ความรู้สึกของอีกฝ่ายไกลห่างออกไปอีก
ข้อ 8 ไม่นอกใจ
การนอกใจ
เกิดมาจากความโลภที่มีมากเกินไป
จึงทำให้ไม่รู้สึกพอใจกับคนรักเพียงคนเดียว
การกำลังคบกับคนคนหนึ่งเท่ากับเป็นการหักหลังอีกคนหนึ่ง
และการกำลังคบกับคนอีกคนหนึ่งก็เป็นการหักหลังคนอื่นไปอีก
ความรู้สึกผิดที่เกิดในเวลานั้นจะกลายเป็นความไม่พอใจ
ทำให้พลังงานความโกรธเพิ่มขึ้น
ข้อ 9 ไม่ฆ่ าสิ่งมีชีวิต
การฆ่ าสิ่งมีชีวิตนั้นใช้พลังงานความโกรธที่รุ นแร งเป็นอย่างมาก
หากฝ่ายที่เราจะฆ่
าเป็นมนุษย์ พลังงานความโกรธที่รุนแร งมากเป็นพิเศษจะถูกเรียกตัวมารวมกัน
แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยุง หรือแมลงสาบ ก็ไม่แตกต่างกัน
ในกรณีนี้พลังงานความโกรธก็ถูกกระตุ้นเช่นกันว่า
“สิ่งมีชีวิตที่ฉันเกลียดนี่นา เกะกะขวางทางฉันเสียจริง
สิ่งมีชีวิตแบบนี้น่าจะต ายๆ ไปซะ ไม่สิ มันสมควรต าย”
อย่างน้อยเพื่อไม่ให้ฆ่ า ขอแนะนำให้กางมุ้ง หรือใช้ยากันยุง
การเปลี่ยนความคิดจาก
“เดี๋ยวฆ่ าซะเลย” เป็น “ช่วยไปที่อื่นหน่อยได้ไหม”
จะทำให้พลังงานความโกรธลดลง ทำให้จิตผ่อนคลายขึ้น
และการทำเช่นนั้นจะก่อให้เกิดนิสัยที่ดีงามขึ้นมา
ขอบพระคุณ : goodlifeupdate