น้ำใจสร้างคน อ่านแล้วชึ้งใจ น้ำตาซึม

มีหญิงสาวคนหนี่ง ด้วยฐานะยากจนเธอจึงมาทำงานในเมืองด้วยอาชีพรับจ้าง ใครจ้างอะไรก็ทำ

วันนึงมีคนจ้างไปซักผ้าผู้หญิงพึ่งคลอด เป็นครอบครัวมีฐานะเค้าจ้างให้ซักผ้าอ้อม 5 วัน เพราะแม่บ้านเค้าลากลับบ้านด่วน

ขณะซักผ้าอยู่ แม่สามีแม่ลูกอ่อนได้มายืนดูการซักผ้าเหมือนเฝ้ากลัวจะโขมยของ กระทั่งวันสุดท้ายอยู่ๆเค้าก็มาบอกว่า…ตุ้มหูทองเค้าหาย ขอค้นตัวแต่ไม่เจอ

“ถ้าแกเอาไปก็เอาคืนมา ถ้าตุ้มหูฉันไม่เจอฉันจะไม่ ให้เงินค่าจ้างแก?? ” “ฉันไม่ได้ขโมยนะคะ คุณยืนเฝ้าตลอดเวลา จะไปเอาตอนไหน??” เรื่องถึงประมุขของบ้าน..“เอาเงินให้เค้าไป”ประมุขของบ้านสั่ง

ภรรยาโยนเงิน 150 หยวนลงพื้น ประมุขของบ้านไม่พูดอะไรมองคนโยนเงิน แล้วค่อยๆก้มลงเก็บเงินให้คนรับจ้างซักผ้า แล้วควักเพิ่มอีก 500 หยวน

“เธอฟังฉันนะ จริงอยู่เธอยากจนในวันนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ต่อไปเธอจะไม่มีเหมือนเรามีในวันนี้…ทุกอย่างต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน,ความขยันและอดออม อายุเธอยังน้อยเธอถูกล่าวหาว่าขโมยตุ้มหูเมียฉัน ฉันมองแล้ว เธอไม่มีสันดานแบบนั้นหรอก เงิน 500 หยวนมันจะเป็นเงินทุนให้เธอได้ลืมตาอ้าปากได้หากเธอมีพรสวรรค์และพรแสวง เงินนี้มันจะทำให้เธอเหมือนเดิมหากเธอเก็บไว้เฉยๆ เงินนี้มันจะพาเธอสบายหรือลำบาก ขึ้นอยู่กับการใช้ เลือกเอาจะทำงานต่ำต้อยตลอดไป หรือจะกล้าได้กล้าเสียเพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้!!! ไปได้ ขอบใจที่มาช่วย”

นางกำเงิน 650 หยวน คิดวนไปเวียนมา…ว่าประมุขบ้านนี้กำลังสื่ออะไร ท้องก็ร้องหิวก็หิว หนาวก็หนาว ในเมืองนี้ ไม่มีขายอาหารที่บ้านนางมีเลย นางหิวมากและอยากกินเหลือเกิน. นางเดินเข้าร้านขายบะหมี่ ขอซื้อบะหมี่สักชามแก้ความหนาวหน่อยเถอะ ได้บะหมี่ชามใหญ่ใสๆน้ำซุปกลมกล่อมก็จริง…แต่สู้ของที่บ้านนางไม่ได้เลย อร่อยกว่าเยอะ กินไปก็คิดถึงคำพูดของนายท่านนั้นไปด้วย หัวคิด ปากเคี้ยว ตามอง หม้อก๋วยเตี๋ยว การตีแป้ง อุปกรณ์ไม่เยอะ ทำคนเดียวได้นี่ ปิ๊งงงง

ลงทุนซื้อหม้อ 3 ใบ ไม่ถึง 100 หยวน จานชามตะเกียบและอุปกรณ์ต่างๆไม่น่าเกิน 50 หยวน เราถูกแม่เคี่ยวเข็ญให้นวดแป้ง จนรู้เทคนิคการทำให้แป้งเหนียวนุ่ม เรามีสูตรของครอบครัวเราใครมากินก็ชมว่าอร่อย ซุปหม้อแรกทำแบบทุกคนที่นี่กิน ซุปหม้อที่ 2 ทำซุปของหมู่บ้านเรากิน อีกหม้อควรเป็นน้ำซุปตระกูลเรากิน

ว่าแล้วนางก็รีบกิน กินแล้วนางก็ตรงดิ่งไปตลาดซื้อหม้อ 3 ใบ กระทะใหญ่ 1 ใบ เตา 4 อัน ชามก๋วยเตี๋ยวเลือกขนาดใหญ่สีน้ำเงินแพงนิดหน่อยแต่สวยดีซื้อมา 30 ใบ ตะเกียบ 100 คู่ เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว แป้งพริกแห้ง น้ำมันและอื่นๆหมดเงินไป 220 หยวน ได้ของครบ ของได้แล้วแต่ร้านยังไม่ได้ทำไงดี??

นางเดินหาร้าน 2 วัน เจอร้านนึง เปิดให้เช่าค่เช่า100 หยวนต่อเดือน ร้านเล็กๆ แต่สภาพยังดี ทำความสะอาดให้ดีๆ แล้วซื้อโต๊ะ-เก้าอี้ไม้ไผ่วางได้ 6 โต๊ะ เก้าอี้ได้ 24 ตัว

มีเด็กสาวมาขอทำงานด้วยช่วงที่นางกำลังทำความสะอาดร้าน นางก็กำลังต้องการคนช่วยพอดี จึงให้เดือนละ 50 หยวนก่อน.. หากขายดีค่อยจ้างประจำและเพิ่มคน

นางตกแต่งร้านด้วยมือนางเอง.. ใช้เวลาตกแต่ร้าน 1 อาทิตย์ใช้ไม้ไผ่มาขัดแล้วแขวนไว้ปกปิดรอยดำของผนัง มีพริกแห้ง ข้าวโพดแห้ง หัวหอมมัดประดับไว้และถือเป็นที่เก็บไปด้วยเลย กลางวันจัดร้าน กลางคืนเคียวน้ำซุปเข้มข้น และทดลองกินดู นางทำก๋วยเตี๋ยว.. แม่นางได้ชิม ก็บอกเสมอว่าอร่อยเมื่อถึงเวลาเปิดร้าน นางไปจ้างให้เค้าเขียนป้ายให้ 10 แผ่น เอาไปแปะทั่วตลาด “ร้านบะหมี่พื้นเมืองเปิดใหม่ ฟรีบะหมี่รสชาติฉงชิ่ง เผ็ดเข้มหายหนาว”

ได้ผลคนมาทานบะหมี่ที่ร้านจนนางทำไม่ทัน บะหมี่หมดภายในครึ่งวัน ลูกน้องนางแนะนำให้ทำเพิ่มอีก แต่นางไม่ทำ “วันนี้เราขายได้ 100 ชาม ฟรี 100 ชาม เราจะทำ โปรแบบนี้อีก 7 วัน “

บะหมี่ราคาชามละ 1.5 หยวน ต้นทุนไม่ถึง 0.5 หยวน คนได้กินบะหมี่รสชาติจัดจ้านแล้วของหมู่บ้าน และอีกรสชาติเข้มข้นของครอบครัวเรา 7 วันนี้คงทำให้คนเปิดใจทานรสชาตินี้ได้แน่ๆ เราต้องไม่ขี้เหนียวน้ำซุป ใครๆก็ทานได้อิ่ม…

เปิดได้ 10 วันนางก็คืนทุนทั้งหมดที่ลงไป แต่นางก็ยังไม่เพิ่มปริมาณของ แต่ลูกค้านางเพิ่มทุกวันและซุปหมู่บ้านนางขายดีมาก ยิ่งวันไหนหนาวๆยิ่งขายดีมาก นางรับคนงานชายเพิ่มอีก 1 คน และเพิ่มค่าจ้างให้เด็กสาวที่มาช่วย นางปรับจ้างเดือนละ 80 หยวนกินกับนาง ทุกวันนางให้พิเศษลูกจ้างด้วยการให้ห่อบะหมี่กลับบ้านได้คนละ 2 ห่อ คนงานชายหน้าที่นวดแป้ง ทำเส้นให้นางที่หลังบ้าน ดูน้ำซุป คนงานหญิงล้างจานเสริฟ ส่วนตัวนางเองทำทุกอย่าง กิจการรุ่งเรืองมากคนรอเข้าแถวกินบะหมี่นาง นางไม่ได้แถมบะหมี่แล้วก็จริง.แต่นางแถมถั่วต้มเค็มบนโต๊ะ ถ้วยเล็กๆมันได้ผลมาก ลูกค้าติดใจถั่วต้มเค็มนาง

แล้ววันนึงคนที่นางรอคอยก็มายืนตรงหน้านาง…

“ได้ยินข่าวว่าบะหมี่หมู่บ้านนี้รสชาติจัดจ้านมาก ขอสักชามนะ” นางโค้งตัวรับคำสั่งแล้วทำอย่างสุดใจ นางทำมาทั้งหมดที่นางมี 3 น้ำซุปในร้านท่านค่อยๆดื่มน้ำซุปของนางไปอย่างอร่อย“เหนื่อยมั้ย??” คำถามสั้นๆแต่รู้สึกอยอุ่นไปถึงสะดือ

นางกำ 650 หยวนไว้ในมือยื่นให้ท่านดู นางแจงไปว่าหลังจากที่ลงทุนทุกอย่างนางเหลือเงินในมือ 80หยวน จ่ายค่าเช่า 2 เดือน เหมือนเงินที่ท่านให้มาลงทุนหมดหน้าตัก ไม่คิดว่าจะขายไม่ดีเพราะเชื่อมั่นว่า ตัวเองทำอร่อยทำเหมือนที่ตัวเองกิน เน้น
ความสะอาด เน้นให้เค้าอิ่ม เน้นให้เค้ามาได้บ่อยๆ และเพิ่มเติมความรู้สึก ด้วยการให้ของเล็กๆน้อยๆเช่น ถั่วต้มเค็ม นอกจากจะได้ถั่วต้มเค็มแล้วคนขายถั่วยังปลูกผักชีให้ด้วย รับซื้อผักจากเค้าทั้งหมด เค้าจะล้างมัดให้เรียบร้อยแล้วถึงเอามาส่ง ลูกน้อง
ก็เลี้ยงไก่มาขายให้ทำน้ำซุป ร้านขายแป้งก็จะมาส่งแป้งถึงที่ คนส่งแป้งขอให้ภรรยามาทำงานด้วยช่วยล้างจาน และทำความสะอาดร้านให้ เพราะนางพูดไม่ได้ หนูรู้สึกดีใจที่หนูหัวเดียวกระเทียมลีบแต่มีคนช่วยเหลือหลายคน

ท่านกล่าวว่า
“ยินดีด้วยที่ประสบผลสำเร็จนะ รักษาความสำเร็จนี้ไว้ให้ได้ อดออมและยื่นโอกาสให้คนอื่นถ้ามีกำลังและโอกาส ฉันให้เธอในวันนั้นเพราะฉันดูมือเธอ ซักผ้ามากมายแต่มือไม่แตก แสดงว่าเธอรู้จักดูแลตัวเอง ผิดกับคนบ้านนอกคนอื่นที่สกปรกไม่รู้
จักดูแลตัวเอง ความสำเร็จนี้มาจากเธอฉันแค่ยื่นโอกาสให้เธอเท่านั้น แต่การเดินไปมันคือหน้าที่ของเธอต่างหาก”ท่านจ่ายค่าบะหมี่ 100 หยวน

“แม้เธอจะคิดว่าฉันมีบุญคุณต่อเธอก็ตาม เมื่อเธอเปิดกิจการ ฉันมาอุดหนุนเธอ มาให้กำลังใจ ไม่ได้ต้องการมากินฟรี ฉันต้องการมาอุดหนุนและที่ฉันให้เธอ 100 หยวน เพราะจะแสดงให้เธอรู้ว่า ค้าขายต้องซื่อสัตย์ ต้องรู้จักให้ อย่าคิดแต่จะเอา ฉัน
สั่งก๋วยเตี๋ยวชามเดียวแต่เธอทำให้ 3 ชาม แสดงว่าเธอใจกว้าง เก็บ 100 นี้ไว้ มันคือเงินของเมียฉันที่เค้าว่าเธอขโมยตุ้มหู เค้าละอายใจ เค้าพบตุ้มหูแล้ว ราคาตุ้มหู 50 หยวน แต่เค้าจ่ายให้เธอ95 หยวนอีก 5 หยวนคือค่าบะหมี่เธอ”

นางขายบะหมี่จนตั้งตัวได้ มีสามีแต่ไม่มีลูก ปัจจุบันอายุ 80 ปีแล้ว กิจการตกทอดให้กับเด็กสาวที่มาของานทำในวันนั้น

บะหมี่ฉงชิ่ง ณ อำเภอฉางผิง อาตี๋เล่าประวัติของญาติห่างๆของคุณย่าให้ฟัง แม่เลยเอามาถ่ายทอดให้คนได้อ่านยาวๆๆ

ขอบคุณเครดิต : อุ่นเรือน พินแพทย์