เดินออกมาจากที่ทำให้ทุกข์ได้เมื่อไหร่ “หมดกรรม” เมื่อนั้น

lดินออกมาจากที่ทำให้ทุกข์ได้เมื่อไหร่ “ຫมดกรรม” เมื่อนั้น

ทุกคนล้วนอยากเจอคนที่ดี คนที่จริงใจ บางครั้งดีกับเค้าเท่าไหร่ เค้าก็กลับร้ายใส่เรา แต่ถ้าวันหนึ่ง ผลบุญที่เรามี ดลบันดาลให้เราพบเจอแต่คนดีๆ


เราก็ต้องเป็นคนดีให้เหมาะสมกับที่ได้พบคนดีๆด้วย เมื่อบุญให้ผล..เราจะพบคนดี คนจริงใจ คนที่มีความมั่นคง

 

เข้ามาทำให้มีความสุขมากขึ้นในชีวิตเมื่อกรรมให้ผล เราจะพบคนไม่ดี ไม่จริงจัง ไม่จริงใจ ไม่ให้เกียรติ


ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ชัดเจน ไม่มั่นคง ฯลฯ เข้ามาทำให้มีความทุกข์มากขึ้นในชีวิต ถ้านิสัยของเราดีขึ้น ในวันที่พบคนดี


จึงเรียกว่า พบคนดีในเวลาที่เหมาะในที่นี้ เหมาะในที่นี้ คือมีความพร้อมที่จะรักษาความรัก ถ้านิสัยของเรายังไม่ดีขึ้น ในวันที่พบคนดี

แบบนี้แนวโน้มคือ นิสัยเสียๆของเรา จะเป็นตัวที่ทำให้คนดีๆออกไปจากชีวิตเราได้ ตราบใดที่ไม่คิดแก้ไขนิสัยร้ายๆ


ของตัวเองให้ดีขึ้น แนวโน้มคือชีวิตเรา ก็จะดึงดูดคนที่แย่ๆ ดึงดูดคนแบบเดิมที่ห่วยๆเข้ามาเหมือนเดิม


ถ้านิสัยของเราดีขึ้น ในขณะที่ยังต้องเจออยู่กับคนไม่ดี ความดีหรือกรรมดีของเราตรงนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะรับประกันได้ว่า


จะสามารถเปลี่ยนใครให้ดีขึ้นได้ แต่ความดีนั้น จะทำหน้าที่ดึงดูดคนดีๆ เข้ามาในวันหน้าแทนและมักจะเป็นในเวลาที่เหมาะด้วย


การเจอคนดี แต่รักษาคนดีไม่เป็น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่รู้จักการต่อบุญใหม่ร่วมกัน แต่ส่วนใหญ่ ก็เป็นเพราะหวงนิสัยเสียๆของตน


มากกว่าคนดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตนั่นแหละครับ การเจอคนร้ายๆ แต่ยังยอมทนทุกข์อยู่ ตรงนี้คือการใช้กรรม ในรูปแบบหนึ่ง


เมื่อไหร่ที่ทุกข์พอแล้ว ทนพอแล้ว ไม่อยากเห็นตัวเองทนทุกข์ซํ้าซากต่อไป คิดเดินออกมาได้เมื่อไหร่ จึงเรียกว่าหมดกรรมเมื่อนั้นครับ