Home »
ข้อคิด
»
หมดยุคปริญญาแปะฝาบ้าน เรียนสูงแค่ไหน ไม่ใช่ประเด็น “ทำงานเป็น” สำคัญกว่า
หมดยุคปริญญาแปะฝาบ้าน เรียนสูงแค่ไหน ไม่ใช่ประเด็น “ทำงานเป็น” สำคัญกว่า
ในสังคมยุคนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเรียนสูง
มันไม่ใช่ประเด็นในการใช้ชีวิตอีกต่อไป เพราะถ้าเราทำงานไม่ดี
หรืออยู่ร่วมกับสังคมการทำงานไม่ได้ นั้นก็แปลว่าเรานั้นทำงานไม่เป็น
นี่จึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า “หมดยุคปริญญาแปะฝาบ้าน”
ดังบทความที่จะกล่าวต่อไปนี้
ประเด็นแรกของเรื่องนี้คือ เรื่องการเรียน
ถ้าจะว่าไปว่า
“การศึกษาบ้านเราเหมือนกับว่าเป็นเรื่องของคนที่เรียนเพียงคนเดียว”
เรียนดีเรียนแย่ก็อยู่ที่คนนั้นเองทั้งสิ้นทั้งหมด พ่อแม่ ครูบาอาจารย์
พี่น้อง ช่วยอะไรไม่ได้เลย
สถาบันที่เรียนบางครั้งจบมาก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการทำงานของเรา
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับประสบการณ์และฝีมือในการทำงานและใช้ชีวิตอยู่กับผู้อื่นล้วน
ถ้าผลการเรียนออกมาดี
ก็มีแนวโน้มว่า “น่าจะทำงานเก่ง”
เพราะกว่าจะจบมันต้องฝึกต้องฝนกันมากมายหลายกระบวนท่า แต่อย่างไรก็ตาม
การฝึกฝนในช่วงระหว่างที่กำลังเรียนอยู่นั้น
มันฝึกฝนอยู่ในกรอบของสมมติฐานที่ว่า “ฝึกเพื่อเรียนรู้ ถ้าถูกก็แล้วไป
แต่ถ้าผิดก็กลับไปแก้ไขใหม่จนกว่าจะดีขึ้น” ซึ่งเป็นหลักง่ายๆ
ของชีวิตนักศึกษา เชื่อว่าเคยผ่านกันมาทุกคน
หากสังเกตุดีๆ
จะเห็นว่าในช่วงที่เรากำลังศึกษาอยู่นั้นหากเราคิดผิด ทำผิด
มันจะถูกลงโทษเพียงอย่างเดียวคือ
เกรดหรือผลการเรียนจะออกมาไม่ดีหรือไม่ก็ติดเอฟ (F)
ต้องไปลงทะเบียนเรียนใหม่กับเด็กรุ่นน้อง บางคนก็ไม่ถือเพราะหน้าด้าน
บางคนเครียดมากเพราะอายกับการที่จะต้องไปเรียนกับรุ่นน้อง
ชีวิตวัยเรียนมีเรื่องให้เครียดปวดสมองไม่กี่เรื่อง
นอกนั้นเป็นเรื่องสนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้เสียเป็นส่วนใหญ่
บางคนถึงกับไม่อยากจบออกมา เพราะยังอยากสนุกกับชีวิตในช่วงวัยนี้ต่อไปอีก
แต่เมื่อถึงเวลาจบก็ต้องจบ อยู่ที่ว่าตอนจบของช่วงวัยจะจบออกมาดี
หรือจบออกมาแบบไม่ได้เรื่อง ซึ่งจะถูกนำไปพิสูจน์ต่อไป ในช่วงชีวิตวัยทำงาน
ประเด็นที่สอง คือ เรื่องการทำงาน
“การทำงานคือการพิสูจน์คุณภาพของคนว่าคนคนนั้นมีคุณภาพแค่ไหน”
คุณภาพมากแค่ไหนวัดกันอย่างไร ง่ายๆ เลย ก็แค่วัดว่า
ผลของงานที่ทำสัมฤทธิ์ออกมา มันเกิดคุณค่าหรือประโยชน์แก่คนอื่นมากแค่ไหน
นั่นแหละคือคุณภาพ
จะเห็นว่าตอนเรียนเราไม่วัดผลการเรียนแบบนี้เลย
การเรียนเป็นอะไรที่ง่ายสอบไม่ผ่านก็ลงเรียนใหม่ แต่ถ้าทำงานแล้วทำไม่ผ่าน
จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เสียเวลา เสียเงิน เสียใจ ถูกเจ้านายด่า
เพื่อนร่วมงานขาดความเชื่อถือ
ทั้งหมดนี้คือโลกของความจริงโลกที่แสนเจ็บปวดเมื่อทำผิดพลาดขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน
มันก็เป็นโลกที่หอมหวานเมื่อเราทำงานสำเร็จขึ้นมา
เกิดคุณค่าต่อผู้อื่นในวงกว้าง สังเกตุดีๆ ชีวิตในช่วงกำลังเรียนคือช่วง
“อยู่ในโลกของจินตนาการ” แต่ชีวิตในช่วงทำงานมันคือ “โลกแห่งความจริง”
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งหลายเขาเชื่อว่า
ถึงแม้เรียนจบจากช่วงชีวิตวัยเรียนแล้วเขาหาได้คิดว่าเขาต้องหยุดเรียนรู้อยู่แค่นั้นไม่
แต่กลับกลายเป็นว่าพอจบการเรียนในช่วงวัยเรียน จะต้องศึกษาแบบจริงจัง
ต่อในระดับที่สูงขึ้นไปอีกคือระดับมหาวิทยาลัยชีวิต
ซึ่งจะต้องเรียนรู้ทุกลมหายใจ เพราะมันจะมีผลได้ ผลเสีย
ในทุกครั้งที่ลงมือทำอะไรก็ตาม
จะต้องศึกษาไปจนวันตายในมหาวิทยาลัยชีวิตแห่งนี้
ส่วนคนที่ชีวิตล้มเหลวก็มีสาเหตุเพียงสาเหตุเดียวก็คือ
ไม่เรียนรู้ที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง มันก็ผิดซ้ำๆ ซากๆ
จนหาคุณภาพไม่ได้และสิ้นความน่าเชื่อถือในที่สุด และสุดท้ายก็คือ ล้มเหลว
แหล่งที่มา: khonkan.com