มาตรการพึงปฏิบัติสำหรับกลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อ ในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

รองนายกฯยืนยันรัฐบาลยังไม่ได้ประกาศเคอฟิวส์ออกจากบ้านได้ทุกเวลาแต่ขอความร่วมมือบุคคล 3 ประเภทควรอยู่บ้าน ขณะที่ประชาชน ข้าราชการยังไปทำงานได้ตามปกติ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงรายละเอียดในพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า วันนี้เราไม่ได้ประกาศเคอร์ฟิว มีแต่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังออกจากบ้านได้ทุกเวลา ยกเว้นบุคคล 3 ประเภทไม่แนะนำให้ออก ยกเว้นมีเหตุจำเป็นวันนี้ยังไม่ถึงขั้นบังคับประชาชน แต่ใช้คำว่า ควรไม่ได้ห้าม แต่ในอนาคตอาจจะมีการห้าม

บุคคลที่ควรอยู่บ้านมี 3 ประเภทคือ 1.บุคคลสูงอายุเกิน 70 ปี 2. บุคคลที่เป็นโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง โรคปอด ความทางเดินหายใจ 3. เด็กอายุตั้งแต่ 5 ขวบลงมา บุคคลเหล่านี้ต้องอยู่กับบ้าน ยกเว้นต้องออกมาทำธุระด่วน


ทั้งนี้ การเดินทางข้ามจังหวัดยังไม่ได้ห้าม แต่จะมีมาตรการทำให้การเดินทางลำบากขึ้น โดยฝ่ายความมั่นคงตำรวจ ทหาร หรือ กอ.รมน.ไปตั้งด่านสกัด ดูว่าเว้นระยะหว่าง 2 เมตรจริงหรือไม่ สวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ ต้องพกบัตรประชาชน ดื่มสุรามาหรือไม่ ถ้ามีอาจจะห้ามหรือดำเนินคดี ในบางกรณีอาจมีมาตรการติดแอปพลิเคชนติดตามตัว ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ติดตามตัวได้ในกรณีที่คนในกลุ่มติดเชื้อ ก็จะได้เรียกมาตรวจได้


นายวิษณุย้ำว่า ยังไม่ปิดประเทศยังเปิดให้คนไทยกลับมาได้ แต่ต้องมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน แต่สำหรับชาวต่างประเทศปิดประเทศแล้วกลับเข้ามาไม่ได้ เรายังไม่ได้ปิดสนามบิน ยังไม่ได้ปิดเมือง ยังสามารถเดินทางได้ แต่ไม่สนับสนุนการเดินทางจึงมีมาตรการให้ยุ่งยากในการเดินทาง

สำหรับ ประชาชน ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ห้างร้านยังไปทำงานได้ตามปกติ การขนส่ง การซื้อหาอาหารได้ตามปกติ แต่ห้ามกักตุนสินค้า ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสถาบันการเงิน หุ้น โรงงานผลิต ธุรกิจเดลิเวอรี สั่งอาหารออนไลน์ ยังทำได้ตามปกติและสนับสนุนให้ทำด้วย รวมถึงโรงพยาบาล คลินิก ธนาคาร เอทีเอ็มยังเปิดให้บริการตามปกติ


ข้อมูลจาก posttoday