เวลา 14.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม 2559 ที่วัดศรีสว่างโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสมหวัง ชาประวัง หรือ อดีตพระครูโอภาสธรรมวิภัช
อายุ 54 ปี อดีตเจ้าอาวาทวัดศรีสว่างโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น
ได้ออกมาชี้แจงกรณีภาพถ่ายของตนเองแนบชิดกับหญิงสาว อายุประมาณ 30 40 ปี
ซึ่งมีผู้นำไปโพสต์ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ค
จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล
ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้จนทราบว่า ภาพที่มีการแชร์กันในโลกโซเชียลนั้นเป็นภาพของพระครูโอภาสธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโดนทันจริง โดยได้รับการยืนยันจากไวยาวัจกรณ์ของวัด พร้อมกับให้ข้อมูลว่าหลังเกิดเรื่องทางวัดได้พาอดีตเจ้าอาวาสวัดไปลาสิกขาบทในเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนาและชื่อเสียงของวัด ซึ่งนายสมหวัง อดีตเจ้าอาวาสก็ยอมลาสิกขาแต่โดยดี
นายสมหวัง ชาประวัง อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโนนทัน กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นทำให้เกิดความไม่สบายใจอย่างมาก เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะเรื่องภาพถ่ายแนบชิดกับหญิงสาว จึงอยากชี้แจงว่าภาพถ่ายที่มีการแชร์กันในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นภาพที่ถ่ายหลังจากได้ลาสิกขาไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2559 เพราะหลังจากที่สึกจากความเป็นพระ ตนและหญิงสาวที่อยู่ในภาพได้เดินทางไปกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะภาพที่ถ่ายมาก็ไม่ห่มผ้าเหลือง แต่เป็นชุดฆราวาส อยากถามว่ามีสักภาพหรือไม่ที่ตนห่มจีวรเหลือง
" เหตุผลที่สึกจากความเป็นพระ ไม่ได้เกี่ยวกับภาพถ่ายที่หลุดออกมา ที่ตัดสินใจสึกเพราะเราเป็นลูกผู้ชายเพียงพอ เราบวชมานาน เราสร้างคุณงามความดีมาก็มาก ไม่อยากให้พระพุทธศาสนามัวหมอง เลยปรึกษากับคณะกรรมการวัด เมื่อได้ข้อสรุปว่าต้องสึก จึงเดินทางไปหาพระเทพกิตติรังสี เจ้าอาวาสวัดธาตุพระอารามหลวง จ.ขอนแก่น โดยเราก็ไม่ได้หนีไปไหน ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในภาพคู่กันนั้นยอมรับว่า เป็นโยมที่เดินทางมาทำบุญที่วัดตามปกติของผู้ที่มาทำบุญ ทุกวันนี้หลังจากที่มีข่าวเกิดขึ้นผู้หญิงในภาพก็เสียใจ เพราะถูกประณามจากคนในสังคมอย่างรุนแรงโดยที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมเลย ผมเป็นลูกผู้ชายพอเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาก็ยอมรับแบบลูกผู้ชาย ผมอยากขอโทษที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียหาย ส่วนเหตุผลในการสึกนั้นยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากภาพถ่ายที่หลุดออกมา"นายสมหวัง กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพถ่ายดังกล่าวมีการแชร์ลงในโลกออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2559 ซึ่งขัดแย้งกับที่เล่ามาว่าเป็นภาพที่ถ่ายหลังจากการลาสิกขา
ซึ่งนายสมหวัง ระบุว่า อาจจะมีผู้ที่ไม่หวังที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของตนเอง นำภาพไปตัดต่อ แต่จะเป็นใคร และทำแบบนี้เพื่ออะไรนั้นตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ภาพถ่ายที่ถ่ายก่อนวันลาสิกขาอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ตนพร้อมที่จะให้ทุกคนพิสูจน์ได้ ตลอดการเป็นเจ้าอาวาสตนได้ทำคุณงามความดีให้วัดวาอารามมาโดยตลอด ไม่เคยทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้วตนก็ยอมรับ และหลังจากนี้ตั้งใจว่าจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัว หากมีโอกาสก็จะกลับมาพัฒนาวัดเช่นเดิม
สุดท้ายตนอยากขอโทษและขอบคุณญาติโยมทุกคนที่เลื่อมใสศรัทธามาตลอดเวลาที่ตนมาเป็นเจ้าวาสที่นี่ และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจเพราะตนก็เป็นสาธุชนคนธรรมดา ส่วนเรื่องของทรัพย์สินที่นำไปด้วยนั้นก็เป็นทรัพย์ส่วนตัวของตนเอง ทั้งเงินสดและรถยนต์ โดยตนไม่ได้นำทรัพย์ของทางวัดติดตัวไปแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์จะมีคณะกรรมการวัดดูแลร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตของชาวบ้านที่มาร่วมรับฟังการแถลงข่าวว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดยังคงให้การสับสน โดยเฉพาะเรื่องภาพถ่ายแนบชิดหญิงสาว เพราะครั้งแรกที่ผู้สื่อข่าวถามว่าภาพที่ดังกล่าวถ่ายเมื่อไหร่และถ่ายที่ไหน อดีตเจ้าอาวาสบอกว่า ถ่ายหลังจากลาสิกขาในวันที่ 5 ธันวาคม 2559 โดยถ่ายที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด แต่เมื่อสอบถามว่าภาพนี้หลุดออกมาและแชร์ในโลกออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2559 ก่อนวันลาสิกขา 1 วัน อดีตเจ้าอาวาสกลับให้การว่า มีผู้ไม่หวังดีนำภาพไปตัด ซึ่งเป็นการให้การที่ขัดแย้งกันและสับสนไปมา และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าภาพนี้ถ่ายเมื่อไหร่ อดีตเจ้าอาวาสได้ตอบว่า "ถ่ายเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในภาพเป็นภาพในลักษณะสวมชุดฆราวาส
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังการแถลงข่าวนายสมหวัง ได้นำบัญชีเงินฝากของทางวัดที่นายสมหวังเก็บไว้เมื่อครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดมาส่งมอบให้กับไวยาวัจกรณ์และพระลูกวัด จำนวน 3 บัญชี คือ บัญชีวัดศรีสว่างโนนทัน ธนาคารกรุงเทพ สาขาขอนแก่น มีเงินฝากอยู่จำนวน 1,716,714 บาทบัญชีวัดศรีสว่างโนนทัน ธนาคารกรุงไทย สาขาขอนแก่นมีเงินฝากอยู่จำนวน 170,040 บาท และบัญชีคณะสรภัญญะ ธนาคารเกียรตินาคิน สาขาขอนแก่น มีเงินฝากจำนวน 67,913 บาท พร้อมกับกุญแจกุฏิที่ใช้อาศัยเมื่อครั้งเป็นเจ้าอาวาสด้วย
ขอบคุณเนื้อหาจาก :: nationtv.tv
ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้จนทราบว่า ภาพที่มีการแชร์กันในโลกโซเชียลนั้นเป็นภาพของพระครูโอภาสธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโดนทันจริง โดยได้รับการยืนยันจากไวยาวัจกรณ์ของวัด พร้อมกับให้ข้อมูลว่าหลังเกิดเรื่องทางวัดได้พาอดีตเจ้าอาวาสวัดไปลาสิกขาบทในเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนาและชื่อเสียงของวัด ซึ่งนายสมหวัง อดีตเจ้าอาวาสก็ยอมลาสิกขาแต่โดยดี
นายสมหวัง ชาประวัง อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโนนทัน กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นทำให้เกิดความไม่สบายใจอย่างมาก เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะเรื่องภาพถ่ายแนบชิดกับหญิงสาว จึงอยากชี้แจงว่าภาพถ่ายที่มีการแชร์กันในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นภาพที่ถ่ายหลังจากได้ลาสิกขาไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2559 เพราะหลังจากที่สึกจากความเป็นพระ ตนและหญิงสาวที่อยู่ในภาพได้เดินทางไปกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะภาพที่ถ่ายมาก็ไม่ห่มผ้าเหลือง แต่เป็นชุดฆราวาส อยากถามว่ามีสักภาพหรือไม่ที่ตนห่มจีวรเหลือง
" เหตุผลที่สึกจากความเป็นพระ ไม่ได้เกี่ยวกับภาพถ่ายที่หลุดออกมา ที่ตัดสินใจสึกเพราะเราเป็นลูกผู้ชายเพียงพอ เราบวชมานาน เราสร้างคุณงามความดีมาก็มาก ไม่อยากให้พระพุทธศาสนามัวหมอง เลยปรึกษากับคณะกรรมการวัด เมื่อได้ข้อสรุปว่าต้องสึก จึงเดินทางไปหาพระเทพกิตติรังสี เจ้าอาวาสวัดธาตุพระอารามหลวง จ.ขอนแก่น โดยเราก็ไม่ได้หนีไปไหน ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในภาพคู่กันนั้นยอมรับว่า เป็นโยมที่เดินทางมาทำบุญที่วัดตามปกติของผู้ที่มาทำบุญ ทุกวันนี้หลังจากที่มีข่าวเกิดขึ้นผู้หญิงในภาพก็เสียใจ เพราะถูกประณามจากคนในสังคมอย่างรุนแรงโดยที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมเลย ผมเป็นลูกผู้ชายพอเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาก็ยอมรับแบบลูกผู้ชาย ผมอยากขอโทษที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียหาย ส่วนเหตุผลในการสึกนั้นยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากภาพถ่ายที่หลุดออกมา"นายสมหวัง กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพถ่ายดังกล่าวมีการแชร์ลงในโลกออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2559 ซึ่งขัดแย้งกับที่เล่ามาว่าเป็นภาพที่ถ่ายหลังจากการลาสิกขา
ซึ่งนายสมหวัง ระบุว่า อาจจะมีผู้ที่ไม่หวังที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของตนเอง นำภาพไปตัดต่อ แต่จะเป็นใคร และทำแบบนี้เพื่ออะไรนั้นตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ภาพถ่ายที่ถ่ายก่อนวันลาสิกขาอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ตนพร้อมที่จะให้ทุกคนพิสูจน์ได้ ตลอดการเป็นเจ้าอาวาสตนได้ทำคุณงามความดีให้วัดวาอารามมาโดยตลอด ไม่เคยทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้วตนก็ยอมรับ และหลังจากนี้ตั้งใจว่าจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัว หากมีโอกาสก็จะกลับมาพัฒนาวัดเช่นเดิม
สุดท้ายตนอยากขอโทษและขอบคุณญาติโยมทุกคนที่เลื่อมใสศรัทธามาตลอดเวลาที่ตนมาเป็นเจ้าวาสที่นี่ และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจเพราะตนก็เป็นสาธุชนคนธรรมดา ส่วนเรื่องของทรัพย์สินที่นำไปด้วยนั้นก็เป็นทรัพย์ส่วนตัวของตนเอง ทั้งเงินสดและรถยนต์ โดยตนไม่ได้นำทรัพย์ของทางวัดติดตัวไปแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์จะมีคณะกรรมการวัดดูแลร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตของชาวบ้านที่มาร่วมรับฟังการแถลงข่าวว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดยังคงให้การสับสน โดยเฉพาะเรื่องภาพถ่ายแนบชิดหญิงสาว เพราะครั้งแรกที่ผู้สื่อข่าวถามว่าภาพที่ดังกล่าวถ่ายเมื่อไหร่และถ่ายที่ไหน อดีตเจ้าอาวาสบอกว่า ถ่ายหลังจากลาสิกขาในวันที่ 5 ธันวาคม 2559 โดยถ่ายที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด แต่เมื่อสอบถามว่าภาพนี้หลุดออกมาและแชร์ในโลกออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2559 ก่อนวันลาสิกขา 1 วัน อดีตเจ้าอาวาสกลับให้การว่า มีผู้ไม่หวังดีนำภาพไปตัด ซึ่งเป็นการให้การที่ขัดแย้งกันและสับสนไปมา และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าภาพนี้ถ่ายเมื่อไหร่ อดีตเจ้าอาวาสได้ตอบว่า "ถ่ายเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในภาพเป็นภาพในลักษณะสวมชุดฆราวาส
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังการแถลงข่าวนายสมหวัง ได้นำบัญชีเงินฝากของทางวัดที่นายสมหวังเก็บไว้เมื่อครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดมาส่งมอบให้กับไวยาวัจกรณ์และพระลูกวัด จำนวน 3 บัญชี คือ บัญชีวัดศรีสว่างโนนทัน ธนาคารกรุงเทพ สาขาขอนแก่น มีเงินฝากอยู่จำนวน 1,716,714 บาทบัญชีวัดศรีสว่างโนนทัน ธนาคารกรุงไทย สาขาขอนแก่นมีเงินฝากอยู่จำนวน 170,040 บาท และบัญชีคณะสรภัญญะ ธนาคารเกียรตินาคิน สาขาขอนแก่น มีเงินฝากจำนวน 67,913 บาท พร้อมกับกุญแจกุฏิที่ใช้อาศัยเมื่อครั้งเป็นเจ้าอาวาสด้วย
ขอบคุณเนื้อหาจาก :: nationtv.tv