Home »
ข่าว
»
ขั้นเทพ!!แทคติคมิจฉาชีพยุคดิจิทัล ต้องรีบอ่านเลย จะได้ไม่หลงกลตกเป็นเหยื่ออีก แต่ธนาคารนี่สิว่าอย่างไรดี???
ขั้นเทพ!!แทคติคมิจฉาชีพยุคดิจิทัล ต้องรีบอ่านเลย จะได้ไม่หลงกลตกเป็นเหยื่ออีก แต่ธนาคารนี่สิว่าอย่างไรดี???
เกิดกรณีมีผู้เสียหายรายหนึ่งออกมาร้องเรียนหลังประสพปัญหาถูกโกงเงินจากคนร้ายที่อ้างตัวว่าจะว่าจ้างให้ทำงานพิเศษเสริมจากงานประจำ
ผู้เสียหายจึงหลงกลหอบเอาเอกสารสำคัญทุกอย่างไปมอบให้จนเป็นที่มาที่ทำให้ผู้เสียหายต้องสูญเงินก้อนโตในพริบตา
เรียกว่าข้อมูลทั้งหมดนี้
ผู้เสียหายต้องการให้ทุกคนได้ทราบเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ
ไม่ให้ต้องหลงกลถูกโกงเช่นเดียวกับผู้เสียหายอีก
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา
ที่ผู้เสียหายได้รับข้อความทางไลน์จากคนร้าย ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
และมาแอบอ้างตัว ว่ามาจากที่ทำงานหนึ่ง ที่ทางผู้เสียหายต้องการทำงานด้วย
และได้มีการนัดหมายที่จะพูดคุยเรื่องงาน
ซึ่งก่อนเจอกับคนร้ายๆยังย้ำกับผู้เสียหายว่า อย่าลืมนำเอกสารได้แก่
บัตรประจำตัวประชาชน สมุดธนาคารเล่มจริง และเอกสารอื่นๆ มาให้กับคนร้าย
และเมื่อมาถึงวันนัดคือวันที่ 30 มีนาคม 2560
ผู้เสียหายได้นัดเจอคนร้ายที่อาคารสำนักงานหนึ่งกลางเมืองเวลา13.30น.
โดยนั่งพูดคุยกันที่ห้องประชุม ซึ่งยิ่งทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อคนร้าย
เพราะสถานที่พูดคุยเป็นกิจจะลักษณะ เหมือนเป็นสถานที่ทำงานจริง
และหลังพูดคุย คนร้ายได้ขอเอกสารไปซีร๊อกซ์
เพื่อเตรียมให้ผู้เสียหายเซ็นต์กำกับไว้เป็นหลักฐาน
แต่ปรากฎว่าคนร้ายได้หายไปพร้อมกับเอกสารทั้งหมดที่ผู้เสียหายให้ไป
จากนั้นถัดไปเพียงแค่3ชม.คือเวลา17.19น. ผู้เสียหายได้รับแจ้งผ่านsmsว่า
มีการยกเลิกบริการทางโทรศัพท์ของธนาคารที่ผู้เสียหายได้มอบหลักฐานไปกับคนร้าย
ผู้เสียหายจึงโทรศัพท์เข้าไปที่คอลเซ็นเตอร์
จึงได้ทราบว่าบัญชีของผู้เสียหายได้กลายเป็นบัญชีของคนร้ายไปแล้ว
และยังทราบอีกว่าคนร้ายได้ถอนเงินจากหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารไปอีก
เป็นเงิน1แสนบาท
ต่อจากนั้นผู้เสียหายได้สั่งกับทางคอลเซ็นเตอร์ให้อายัดเงินในบัญชีทั้งหมดทันที
และผู้เสียหายยังรีบตรวจสอบเงินที่มีอยู่ในตู้เอทีเอ็มด้วย ก็ปรากฎว่า
ยังคงมีเงินไหลออกจากบัญชีไม่หยุด
คือกว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถระงับบัญชีได้ก็ปาไปเกือบทุ่ม
ผู้เสียหายจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ธนาคารด้วยตนเองในเวลา19.30น
ปรากฎทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้เสียหายจึงสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกรณีการถอนเงินของคนร้าย
ซึ่งเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า รู้สึกสงสัยในตัวคนร้ายเหมือนกัน
เพราะหน้าคนร้ายไม่เหมือนกับรูปในบัตรประจำตัวประชาชน
รวมถึงลายเซ็นต์ก็ไม่เหมือนกัน
แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารยังให้คนร้ายถอนเงินออกไปจนได้
และเมื่อรวบรวมความเสียหายที่คนร้ายได้เงินไปทั้งหมด พบว่าเป็นเงิน6แสนบาท
โดยคนร้ายได้ใช้วิธีโอนเงินออกจากบัญชีครั้งละ5หมื่นบาทเป็นจำนวน10ครั้ง
ทั้งๆที่ในช่วงเวลาที่คนร้ายโอนเงินนั้น.
ผู้เสียหายได้ทำการอายัดเงินในบัญชีทั้งหมดไปแล้ว
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำเจ้าหน้าที่
และตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อเก็บเอกสารหลักฐานทั้งหมด
และในวันนั้นทางผู้บริหารของธนาคารคือผู้การเขตธนาคารได้ยืนยันกับผู้เสียหายต่อหน้าตำรวจว่าธนาคารจะรับผิดชอบกับความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น
คือจะชดใช้เงินทั้งหมดคืนให้
แต่ต่อมา ปรากฎว่าผู้เสียหายกลับได้รับแจ้งจากธนาคารว่า
ทางธนาคารจะขอรับผิดชอบความเสียหายแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เพราะเห็นว่าเป็นความประมาท เลิ่นเล่อของผู้เสียหายเองด้วย
ที่ไม่เก็บเอกสารให้ดี
ธนาคารจึงจะขอชดใช้ผู้เสียหายแค่เพียงครึ่งเดียวในที่สุด
ทางผู้เสียหายจึงไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของธนาคารในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
และเรื่องยังไม่จบแค่นี้
วันที่2เมษายน 2560
ผู้เสียหายยังได้ตรวจสอบเงินในบัญชีอีกธนาคารหนึ่งซึ่งเป็นธนาคารที่จะมีเงินเดือนโอนเข้าบัญชีให้ผู้เสียหายทุกต้นเดือน
แต่คนร้ายได้ถอนเงินของผู้เสียหายออกไปในอีกธนาคารหนึ่งเป็นเงินอีกจำนวน160,000บาท
โดยคนร้ายได้ใช้วิธีถอนเงินสดจากเคาน์เตอร์ธนาคาร
ผู้เสียหายจึงทำการอายัดบัญชีอีกและเดินทางไปแจ้งความ
จึงทำให้ทราบว่าคนร้ายได้ใช้วิธีไปแจ้งความที่สน.ย่อยแห่งหนึ่งว่าสมุดธนาคารหาย
และตำรวจก็ออกใบแจ้งความให้คนร้ายไป ทั้งที่หน้าไม่เหมือนในบัตรประชาชน
และลายเซนต์คนร้ายไม่เหมือนเอกสารตัวจริง ซึ่งคนร้ายนำใบแจ้งความนี้
ไปทำสมุดบัญชีใหม่ ทำบัตรเอทีเอ็มและจึงถอนเงินจากเคาน์เตอร์ไป
และล่าสุดในวันที่3เมษายน 2560
ผู้เสียหายได้รับทราบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
ในที่สุดตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว
และได้ส่งตัวคนร้ายไปดำเนินคดีตามกฎหมาย.
แต่ปัญหาก็คือมาจนถึงวันนี้ผู้เสียหายยังไม่ได้รับการชดใช้
หรือการแสดงความรับผิดชอบจากทั้ง2ธนาคาร แต่อย่างใด
ซึ่งผู้เสียหายถือว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
ถือเป็นความล้มเหลวของระบบรักษาความปลอดภัยของระบบธนาคาร
และที่ผู้เสียหายออกมาเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดนี้
ก็เพื่อเป็นการแชร์ประสพการณ์ให้ทุกคนได้ทราบเกี่ยวกับการทำงานของธนาคาร
รวมถึงรูปแบบของกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ระมัดระวัง
ไม่ให้เกิดเหตุถูกโกงแบบเดียวกันกับตัวผู้เสียหายได้อีก
เรียบเรียงโดย