บะหมี่ชามเดียว ที่ทำให้คุณเสียน้ำตา (เรื่องสั้นให้แง่คิด ที่ควรอ่าน)

บะหมี่ชามเดียว ที่ทำให้คุณเสียน้ำตา (เรื่องสั้นให้แง่คิด ที่ควรอ่าน)

เป็นหนึ่งเรื่องราวดีๆที่เราได้นำมาแชร์ให้กับทุกๆท่านได้อ่านกัน เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มน้อย กับมะหมี่ชามเดียว ที่ให้แง่คิดที่ดีมากๆ ทำเอาเสียน้ำตา…

เด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ทะเลาะกับแม่ของตัวเองด้วยเรื่องอันน้อยนิด ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น หุนหันพลันแล่น ทำให้เด็กหนุ่มหนีออกจากบ้านไปในทันที

ด้วยความรีบ และต้องการประชดแม่ ทำให้เขาเดินทางโดยที่ไม่ได้นำเงินติดตัวไปแม้แต่บาทเดียว ดึกแล้ว หิวก็หิว อาหารยังไม่ตกถึงท้อง เดินทางจนมาถึงร้านบะหมี่แห่งหนึ่ง ด้วยความหิว ทำให้เขาเดินเข้าไป และมองด้วยสายตาหิวโหย ชายเจ้าของร้านบะหมี่ เห็นเด็กหนุ่มมองด้วยสายตาที่แสดงความหิว จึงเกิดความเมตตา

ชายเจ้าของร้านได้เรียกเด็กหนุ่มเข้ามา และ จัดการทำบะหมี่ให้เด็กหนุ่มหนึ่งชามโดยไม่คิดเงิน เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณ ขณะทานบะหมี่ ด้วยความรวดเร็ว ทันใดนั้นเด็กหนุ่ม ได้ร้องไห้โฮออกมา ชายเจ้าของร้านจึงถามด้วยความแปลกใจว่า…

“เจ้าเป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไมหรือ” เด็กหนุ่มกล่าวไปด้วย ร้องไห้ไปด้วยว่า

“คิดไม่ถึงว่า ในโลกนี้ยังมีคนที่จิตใจดีอย่างคุณอีก ที่ยอมให้ผมกินบะหมี่โดยไม่คิดเงิน” จากนั้นเด็กหนุ่มก็ เล่าให้เจ้าของร้านฟังว่า เขาทะเลาะกับแม่ จึงหนีออกจากบ้านมา

เมื่อเจ้าของร้านได้ฟังที่เด็กหนุ่มกล่าวมา เขาหัวเราะจนท้องแข็ง เด็กหนุ่มสงสัยว่า นี่เป็นเรื่องตลกหรือ ชายเจ้าของร้านจึงกล่าวกับเด็กหนุ่มว่า

“ฉันเพิ่งรู้จักกับเธอเมื่อครู่นี้เอง แล้วก็แค่เลี้ยงบะหมี่ เธอ ชามเดียวเอง เธอรู้สึกซาบซึ้งถึงขนาดนี้เลยเหรอ แต่แม่เธอต้มบะหมี่ให้กินมาตั้งกี่ชาม แต่เธอกลับไม่พอใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆ นี่ยังไม่น่าหัวเราะอีกหรือ”

คำพูดของชายเจ้าของร้านบะหมี่ ทำให้เด็กหนุ่มได้คิด เขาจึงเดินทางกลับบ้าน ตั้งใจจะไปขอโทษแม่ เมื่อเขาไปถึงบ้าน แม่ของเขารีบออกมารับ และกอดเด็กหนุ่ม นอกจากจะไม่ตำหนิ แล้ว ยังรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่า..

“หิวไหมลูก เดี๋ยวแม่จะไปต้มบะหมี่ให้กิน”

ในชีวิตจริงมีคนหลายๆคนที่ทำสิ่งดีๆให้กับเรา แต่เพียงเพราะเขา เป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท ลูกน้อง หรือมิตรสหาย ทำให้เรามองไม่เห็นความสำคัญ และมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไป แต่กลับไปชื่นชม และให้ความสำคัญกับคนอื่นที่ทำดีกับเราเพียงไม่กี่ครั้ง โดยลืมนึกถึงคนใกล้ตัวที่ทำดีกับเรามาโดยตลอด

ขอบคุณข้อมูลจาก : prakal.wordpress.com