วิ่งแล้วหยุดกะทันหัน เตือนนักวิ่งอย่าทำ อันตรายถึงชีวิต !

วิ่งแล้วหยุดทันที อันตรายที่หลาย ๆ คนมองข้าม เราจึงอยากเตือนให้นักวิ่งได้รู้ วิ่งแล้วหยุดกะทันหัน อาจทำให้เสียชีวิตได้เลยนะคะ

          การออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นวิธีออกกำลังกายที่ง่าย และเป็นที่นิยม โดยจะเห็นได้จากการจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อการกุศล ทั้งการวิ่งระยะใกล้อย่างมินิมาราธอน ไปจนถึงวิ่งมาราธอนระยะไกล ๆ ซึ่งนักวิ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเตรียมสุขภาพให้พร้อมก่อนไปวิ่งกันอยู่แล้ว เพราะการวิ่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้าวิ่งระยะไกลก็เป็นการออกกำลังกายที่ค่อนข้างหนักพอสมควร แต่นอกจากการเตรียมสุขภาพให้พร้อมวิ่งระยะไกลแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและอยากเตือนนักวิ่งก็คือ อย่าหยุดวิ่งกะทันหัน เพราะนั่นอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย

          การหยุดวิ่งทันทีหลังจากที่วิ่งต่อเนื่องเป็นระยะทางไกล ๆ ทำไมถึงอันตรายต่อร่างกาย หากใครข้องใจเราก็ขออธิบายง่าย ๆ ว่า ในช่วงที่เราวิ่งออกกำลังกาย ระบบไหลเวียนเลือดจะสูบฉีดมากขึ้น เพื่อส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนที่ถูกใช้งานไปกับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จึงจะสังเกตได้ว่า เมื่อวิ่งไปได้สักพัก อัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้น หัวใจเต้นแรงเพราะเร่งสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อนั่นเอง และในขณะเดียวกันนั้น กล้ามเนื้อส่วนที่ได้รับเลือดไปก็จะเกิดการหดตัวเพื่อหมุนเวียนเลือดกลับไปยังหัวใจ อันเป็นระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายโดยปกติ


          ทว่าหากหยุดวิ่งกะทันหัน กล้ามเนื้อจะไม่เกิดการหดตัวเหมือนตอนกำลังวิ่ง แต่กล้ามเนื้อหัวใจยังคงสูบฉีดเลือดมากขึ้นเช่นเดิม การหยุดวิ่งทันทีจึงอาจทำให้ระบบไหลเวียนเลือดจากกล้ามเนื้อกลับมาที่หัวใจทำงานได้ลดน้อยลง และเลือดอาจคั่งอยู่ตามกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ จนเป็นเหตุให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ และอาจทำให้หมดสติ หรือบางรายอาจเกิดอาการหัวใจวายและเสียชีวิตได้ทันที นอกจากนี้การหยุดวิ่งกะทันหัน อาจทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อส่วนต่าง ๆ ที่ถูกใช้งานมาอย่างหนักเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นได้อีกด้วยนะคะ

วิ่งแล้วหยุดทันที

          และหากมีอาการวิงเวียน หน้ามืด คลื่นไส้ หลังจากหยุดวิ่งกะทันหัน แนะนำให้นอนราบลงกับพื้น แล้วยกขาทั้งสองให้สูงขึ้นประมาณ 45 องศา เพื่อกระตุ้นให้เลือดที่ค้างอยู่ตามกล้ามเนื้อของร่างกายไหลกลับไปยังหัวใจและกลับไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น อีกทั้งการพักด้วยท่านี้ยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

          เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย นักวิ่งทั้งหลายก็อย่าหยุดวิ่งกะทันหันจะดีกว่านะคะ และที่สำคัญ ก่อนวิ่งก็ควรวอร์มอัพด้วยการเดินหรือวิ่งเหยาะ ๆ ประมาณ 5-10 นาที เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมกล้ามเนื้อในการยืดและหดตัว รวมทั้งควรยืดเหยียดร่างกายอีกประมาณ 5-10 นาที เพื่อเตรียมความพร้อมของเอ็น ข้อ และการไหลเวียนโลหิต ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บขณะวิ่งออกกำลังกายได้

วิ่งแล้วหยุดทันที



          นอกจากนี้หลังวิ่งออกกำลังกายก็ควรคูลดาวน์ด้วยการผ่อนความเร็วในการวิ่งให้เบาลงทีละน้อย จนกระทั่งหายเหนื่อย ทั้งนี้ก็เพื่อให้กล้ามเนื้อและหัวใจที่ทำงานหนักขณะออกกำลังกายมีช่วงเวลาปรับตัวในการทำงานจนกว่าระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายจะกลับสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้เราอาจสังเกตอาการของร่างกายง่าย ๆ ด้วยการวัดว่าระหว่างออกกำลังกายอยู่นั้นยังสามารถพูดกับคนข้าง ๆ ได้เป็นคำ ๆ อยู่หรือไม่ หากเสียงเริ่มสั่น หรือเริ่มพูดไม่เป็นคำ นั่นแสดงว่าคุณออกกำลังกายหักโหมเกินไปหรืออาจคูลดาวน์ไม่เพียงพอ จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายและทำให้กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บได้ ฉะนั้นควรเริ่มคูลดาวน์ได้แล้วนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
เฟซบุ๊ก Drama-addict