ทำตามได้ ฝึกความอดทนให้ตัวเอง เปลี่ยนนิสัยให้ใจเย็นลง โดย 5 วิธี

ทำตามได้ ฝึกความอดทนให้ตัวเอง เปลี่ยนนิสัยให้ใจเย็นลง โดย 5 วิธี

ฝึกความอดทนให้ตัวเอง จะทำให้จิตใจของเรามีความหนักแน่น เป็นคนที่ไม่โมโหง่าย ไม่ฉุนเฉียวง่าย ใจไม่ร้อน ไม่เร่งรีบ เพราะว่าคนที่ใจเย็นนั้นคือคนที่มีสติ มีอารมณ์ที่มั่นคง ไม่ขึ้นไม่ลงแปรปรวนตามสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น เวลาที่คนรอบข้างทำอะไรสักอย่างให้เรารู้สึกโมโหหรือกระวนกระวายใจ แทนที่เราจะพูดตวาดออกไป แสดงกิริยามารยาทที่ไม่ดีออกไป ให้เราปรับเปลี่ยนวิธีการตอบโต้ดู ลองอยู่นิ่งๆ ทำใจให้เย็น แล้วเราจะมีสติรู้ว่าควรพูดอะไรไม่ควรพูดอะไรออกไปนั่นเอง

5 วิธีฝึกสติในชีวิตประจำวัน

1 ตื่นอย่างมีสติ

แทนที่เราตื่นเช้ามาแล้วจับโทรศัพท์ เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ เช็คข่าวสารทาง Social Media ลองเปลี่ยนมาเป็นให้เวลากับตัวเองสัก 5 นาที 10 นาทีดูไหม ตื่นเช้ามาก็ลองนั่งสมาธินิ่งๆก่อน เพื่อเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี นึกถึงสิ่งที่เราจะทำในวันนี้ วางแผนเวลาดู แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป ลองทำดูสัก 3 วัน เชื่อว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีแน่นอน

2 กินอย่างมีสติ

บางครั้งเราก็ทานไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย บางครั้งก็ทานไปด้วยดูจอทีวี จอมือถือไปด้วย แล้วครั้งสุดท้ายที่ทานอาหารทีละคำ รับรสชาติ แล้วขอบคุณอาหารในมื้อนั้น คือเมื่อไหร่กันหรือ

3 เดินอย่างมีสติ

เดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่ าง ขอบคุณร่างกายที่ยังมีกำลังมากพอให้สามารถเดินได้ ขอบคุณถนนหนทางที่สะดวกสบายมากพอจนเดินก้าวไปได้ และเดินด้วยใจกรุณาด้วยความรู้สึกว่า ต้องการสร้างแต่รอยย่ำอันงดงามให้กับโลกใบนี้

4 ทำงานอย่างมีสติ

ท่ามกลางมรสุมงาน และการติดต่อผู้คนมากมายตลอดวัน เราก็สามารถฝึกสติรู้เนื้อรู้ตัวได้ง่ายๆ เพียงหลับตาลง หายใจเข้าและออกลึกๆ สัก5 รอบลมหายใจ โดยให้สติตามลมหายใจโดยไม่คิดเรื่องอื่น แล้วค่อยกลับไปโฟกัสกับงานตรงหน้าใหม่อีกครั้ง

5 สนทนาอย่างมีสติ

ฟังอย่างตั้งใจ ฟังโดยไม่คิดตัดสินคู่สนทนา เปลี่ยนสภาพตัวเองให้เป็นเหมือนภาชนะว่างเปล่าที่พร้อมรับฟังบุคคลตรงหน้า ขณะที่เมื่อพูดก็ตระหนักถึงความงดงามของความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคู่สนทนา สื่อสา รด้วยความรัก ด้วยความหวังดี ด้วยใจที่ต้องการจะสร้างสรรค์ความหมายดีๆ ระหว่างกัน

ถ้าหากคุณทำ 5 ข้อแล้ว ยังไม่เห็นผลเท่าที่ควร ให้ลองทำตั้งแต่ข้อที่ 6 ขึ้นไป

6 นับหนึ่งให้ถึงสิบ

แนะนำเริ่มต้นด้วยวิธีพื้นฐานง่ายๆ อย่างการนับเลขไว้ในใจ เวลาที่เรารู้สึกโกรธใคร หรือรู้สึกไม่ดีกับใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมา ให้ลองนับ 1-10 ถ้า 1-10 ไม่ได้ผล คุณก็ลองนับ 1-100 ดู ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ การนับเลขจะส่งผลให้เรามีสติยั้งคิดย้ำทำ เป็นเวลาที่เพียงพอสำหรับการไต่ตรองพิจารณาเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า นึกถึงสิ่งที่คนอื่นทำกับเรา และสามารถนึกถึงสิ่งที่เราทำกับคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน

7 ปล่อยวาง ไม่ยึดติด

ปัญหาที่เกิดขึ้นนทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนเรามีอัตตามากเกินไป หากเราลองเปลี่ยนความคิด ไม่ยึดติดกับตัวตน แล้วลองคิดว่าสุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้องแตกดับ และสลายไป วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป เพราะฉะนั้นถ้าเรายอมรับกับวัฏจักรแห่งการเกิด ดับนี้แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็คงเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

8 เข้าหูซ้ายทะลุหุขวา

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ เพราะปกติแล้ว คำว่า ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา นั้นเขาใช้เปรียบเปรยคนที่ฟังอะไรแล้วไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับความคิดใหม่ๆ เข้ามา แต่ตอนนี้ผมกำลังหมายถึง ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว การฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานั้นนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ใครกล่าวมา

9 คิดมากไปหรือเปล่า

อาการคิดมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเครียดได้ ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งเหตุการณ์อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ร้อนรน เมื่อเกิดเรื่องก็จะยิ่งเก็บมาคิด จนไม่เป็นอันกินอันนอน ลองเปลี่ยนจากความคิดเรื่องเเย่ๆ เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องดีๆ บ้างสิ เพราะความคิดนั้นเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเรา ไม่เชื่อลองทำดู คิดดี ทำดี เท่านี้พอ

10 ฝึกสมาธิ

การฝึกสมาธิให้ใจสงบนั้นมีหลายรูปแบบ จะนั่งสมาธิหรือเดินสมาธิก็ได้ อย่างที่ผมเคยเขืยนในเล่มก่อนๆ ว่าเมื่อมีสมาธิก็มีสติ เมื่อมีสติก็เกิดปัญญา เวลาเกิดปัญหาก็จะมีทางแก้ไข

11 รู้เขารู้เรา

บางครั้งแค่เราลองมองใส่ใจนิสัยของคนรอบข้างบ้าง ก็สามารถที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่ยุ่งยาก แต่เราจะต้องรู้จักระงับสติของเราด้วย เพราะเมื่อเราทราบแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี้ หากเรารับนิสัยเขาไม่ได้ ก็ให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน

12 ขอโทษ

หากเราทำผิด การใช้คำว่าขอโทษนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเราจะต้องเอ่ยคำขอโทษ เพราะคำๆ นี้ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ ศรีของเราตกต่ำลงหากแต่เป็นการรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตนเองผิดต่างหาก อีกทั้งยังจะทำให้ สถานการณ์ที่ไม่ดีคลี่คลายลงได้อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้คำขอโทษอย่างพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ติดเป็นนิสัยที่ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ระมัดระวัง

13 ยิ้มแห่งสยาม

รอยยิ้มสร้างโลกนี้ให้สดใสได้ เหมือนดังคำที่บอกว่า ถ้าคุณยิ้ม โลกก็จะยิ้มให้คุณ เพียงคุณไปไหนแล้วมีแต่รอยยิ้มให้คนรอบข้าง คนรอบข้างก็จะอารมณ์ดีขึ้นไปด้วย

14 หายใจเข้า ออกลึกๆ

การหายใจเข้าออกลึกๆ นานๆ จะทำให้เราได้มีสติยั้งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และทำให้ร่างกายเราได้รับการผ่อนคลายจากลมหายใจที่รับเข้าและส่งออก ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปในช่วงเวลาที่มีความโกรธ ลองหายใจลึกๆ เข้า ออก อย่างช้าๆ จะช่วยให้สถานการณ์รอบข้างดีขึ้น

15 ไม่หนีแต่ไม่ประทะ

หากเรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเราได้ จะเก็บเอาไว้ในใจก็กลัวว่าจะกลายเป็นคนที่เก็บกด จะเดินหนีก็จะกลายว่ากลายเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริง หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นนี้ คุณควรที่จะมีสติคิดอย่างรอบคอบ รู้ว่าควรตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างไร ควรที่จะรับฟังในสิ่งที่คนอื่นกล่าวว่ามา

แล้วก็นำสิ่งเหล่านั้นไปปรับปรุงในส่วนที่ไม่ดี แต่ถ้าหากเป็นสิ่งที่เขาพูดพร่ำเพื่อ ก็ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องไปกังวลอะไรให้มันเสียเวลา เลิกคิดเลยดีกว่า ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำด้วย ไม่มีประโยชน์ เพราะการกระทำเช่นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีอะไรขึ้นมากับชีวิตเราเลย

ภาพประกอบ / เรียบเรียงโดย : Postsod

ขอขอบคุณ : New Heart New World