ประโยชน์ของปลาทู กินช่วยลดคอเลตเตอรอล และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ไม่เคยรู้เลย..ประโยชน์ของปลาทู กินช่วยลดคอเลตเตอรอล และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ปลาทู (Short mackerel) เป็นปลาทะเลที่สามารถจับได้จำนวนมากที่สุดในประเทศไทย โดยนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้วปลาทูยังจัดเป็นอาหารที่ทั้งถูกและดี ที่อยู่คู่กับครัวไทยมาช้านาน


สำหรับผู้ที่นิยมรับประทานอาหารแบบไทยๆ คงจะเคยลิ้มลอง "น้ำพริกปลาทู"ปลาทูต้มเค็ม หรือแม้แต่ปลาทูทอดธรรมดาๆกับข้าวสวยร้อนๆก็ตามแต่ ล้วนเป็นเมนูชวนน้ำลายไหลทุกครั้งที่นึกถึง ซึ่งแน่นอนว่า "ปลาทู"ที่เราชาวสุขภาพดี...จะหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังนี้ ไม่ได้มีดีที่ความอร่อยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสรรพคุณและประโยชน์ของปลาทูที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ปลาทู….อาหารชั้นเลิศ คุณค่าติดดาว ราคาติดดิน


ปลาทูตัวละ 7-10 บาทที่มีขายกันตามตลาดสดนี่เอง ที่เป็นแหล่งรวมสารอาหารมากมายไม่แพ้ปลาราคาแพงอยากแซลมอนหรือทูน่าที่มีขายตามภัตตาคาร โดยในปลาทูจะมีกรดที่เรียกว่า ลิโนเลอิก (linoleic acid) ซึ่งเป็นกรดจำเป็นต่อร่างกายและได้จากการบริโภคเท่านั้น เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้


โดยกรดลิโนเลอิกนี้มีบทบาทสำคัญช่วยพัฒนาสมองและเสริมสร้างการทำงานของระบบสืบพันธุ์ อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้รับสารอาหารมากขึ้น ร่างกายจึงสามารถนำสารอาหารต่างๆ ไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยเผาผลาญกรดไขมันอิ่มตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้กรดดังกล่าวยังทำหน้าที่ลดการสะสมไขมันบริเวณผนังหลอดเลือดซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงในวัยสูงอายุอีกด้วย จึงกล่าวได้ว่าคุณประโยชน์ของปลาทูมีมากกว่าที่เราคิดจริงๆ


ประโยชน์และคุณค่าทางอาหารจากปลาทู


ปลาทู เป็นปลาที่มีคุณประโยชน์และสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกายโดยที่เราไม่ต้องรับประทานอาหารเสริมเสียด้วยซ้ำ ซึ่งการรับประทานปลาทูเพียง 1 ตัวนั้นจะได้รับสารอาหารมากมาย ดังต่อไปนี้


1. ประโยชน์ของปลาทู อุดมด้วย EPAและ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว โดยสารทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ลดการจับตัวของเกร็ดเลือดที่ผิดปกติ ในบางรายจึงทำให้เป็นภาวะหลอดเลือดแข็งตัวหรือพบการอักเสบ นอกจากนั้นทั้ง EPAและ DHA นี้ยังมีส่วนช่วยในการลดระดับไขมันชนิดที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดหรือหลอดเลือดอุดตันได้


2. ปลาทูมีประโยชน์เพราะมีโปรตีนสูง ในปลาทู 1 ตัวจะให้โปรตีนสูงถึง 20 กรัมต่อน้ำหนัก100 กรัม ซึ่งโปรตีนที่ได้จากปลาทูจะเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที


3. สรรพคุณของปลาทูมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส โดยปริมาณแคลเซียมในปลาทูจะสูงถึง 170 มิลลิกรัมต่อปลาทูสด 100 กรัม นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยฟอสฟอรัสที่จำเป็นต่อร่างกาน โดยสารอาหารเหล่านี้จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงกระดูกและฟันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยผู้สูงอายุ


4. ประโยชน์ของปลาทูอุดมด้วยโอเมกา 3 และ 6 ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมองยังเป็นส่วนประกอบของเยื่อบุผนังเซลล์ ช่วยลดคอเลตเตอรอล ลดความเสียงทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้โอเมกา 3 และ 6 ในปลาทูนี้ ยังเป็นโครงสร้างที่สำคัญของเนื้อเยื้อบริเวณจอประสาทตา หรือ retina ที่ช่วยในการมองเห็นอีกด้วย


กินปลาทูทุกวันดีต่อร่างกายไหม ?


อย่างที่ทราบกันดีว่า ปลาแต่ละประเภทมีระดับไขมันไม่เท่ากัน หากรับประทานปลาที่มีไขมันสูงทุกๆ วันย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นหากอยากรับประทานปลาให้ได้ประโยชน์ควรเลือกชนิดของปลาให้เหมาะสมกับร่างกายและความต้องการในแต่ละวัย ในส่วนของปลาทูนั้นจะเห็นได้ว่าเป็นปลาที่มีปริมาณไขมันไม่สูงมากจึงรับประทานทุกวันได้ อย่างไรก็ดี เพื่อให้ได้โภชนาการที่หลากหลาย จึงควรรับประทานปลาประเภทอื่น รวมไปถึงเนื้อสัตว์ชนิดอื่นร่วมด้วย


กินปลามากแค่ไหนถึงเรียกว่าพอดี


เชื่อว่าเหตุผลในการรับประทานปลาของหลายคน น่าจะมาจากความต้องการ ‘โปรตีน’ ถึงมีอยู่ในปลาแทบทุกชนิด โดยปกติแล้วมนุษย์เรามีความต้องการโปรตีนที่แตกต่างกันตามแต่ละช่วงวัยดังนี้


เด็กเล็ก-เด็กโตจะต้องการโปรตีนที่ 1-1.1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม


ผู้ใหญ่ต้องการประมาณ 0.8 กรัม


หญิงตั้งครรภ์ที่ต้องการถึง 1.3 กรัม


ตัวอย่างเช่น หากผู้บริโภคมีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม ร่างกายจะต้องรับโปรตีนสูงถึง 60 กรัมเลยทีเดียว โดยโปรตีนที่ได้จากปลาสุกจะอยู่ราวๆ 15-30 กรัมต่อ 100 กรัม โดยหากต้องการโปรตีนจากปลาเพียงอย่างเดียว ต้องรับประทานปลาอย่างน้อย 3-4 ตัวเลยทีเดียว ดังนั้นผู้รับประทานควรรับประทานอาหารชนิดอื่นร่วมด้วยเพื่อเพิ่มโปรตีนไม่ว่าจะเป็น ไข่ นม ถั่ว ไก่ หรือแม้กระทั่งเนื้อหมูที่ไม่ติดมัน หรือหากใครอยากรับประทานปลาเพียงอย่างเดียวแล้วได้โปรตีนสูง ก็ควรเลือกชนิดของปลาและวิธีการปรุงอาหารให้ดี เช่นควรเลือกรับประทานปลาตากแห้ง เช่นปลาสลิด หรือรับประทานแบบนึ่งหรือต้มจะได้โปรตีนมากกว่าการการย่างหรือทอดเป็นต้น


จากข้อมูลที่เรานำมาเสนอกันวันนี้หวังว่าจะทำให้การรับประทานปลาทูของผู้อ่านทุกๆ ท่าน อร่อยขึ้นและมีประโยชน์เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยนะคะ ท้ายนี้อยากให้ใครหลายๆ คนที่ไม่ชอบรับประทานปลาทู ให้หันกับมาลิ้มลองกันอีกสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าสรรพคุณและประโยชน์ของปลาทู เป็นสุดยอดอาหาร ของดีที่ไม่ควรมองข้ามแม้แต่น้อย


แหล่งที่มา...sukkaphap-d.com