Home »
สาระ ความรู้
»
5 อภินิหาร "ผักพิชิตไขมัน" ช่วยลดไขมันที่พอกในร่างกายได้ "เพียงแค่" กินผัก 5 ชนิดนี้
5 อภินิหาร "ผักพิชิตไขมัน" ช่วยลดไขมันที่พอกในร่างกายได้ "เพียงแค่" กินผัก 5 ชนิดนี้
5 อภินิหาร “ผักฆ่าไขมัน” ! ช่วยลดไขมันที่พอกในร่างกายได้ “เพียงแค่” กินผัก 5 ชนิดนี้ !!
ไขมันในเลือดสูง ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากอาหารการกิน
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ
หลอดเลือดอุตตัน ที่ล้วนแต่เป็นอันตรายแทบทั้งนั้น
ไม่อยากป่วยเพราะตามใจปากละก็ ลองมาลิ้มลองอาหารลดไขมันในเลือด
เห็นแล้วรับประทานไม่ยาก แถมยังอร่อยกว่าที่คิดอีกด้วยล่ะ
ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia) คือ
ระดับไขมันในเลือดที่มีคอเลสเตอรอล มากกว่า 200 มิลลิกรัม ต่อเดซิลิตร
ระดับไตรกลีเซอไรด์ มากกว่า 150 มิลลิกรัม ต่อเดซิลิตร ระดับ
HDL-cholesterol (HDL-C) หรือไขมันดี น้อยกว่า 40 มิลลิกรัม ต่อเดซิลิตร
ระดับ LDL-cholesterol (LDL-C) หรือไขมันเลวมากกว่า 130 มิลลิกรัม
ต่อเดซิลิตร โดยยิ่งหากมีไขมันตัวร้ายมาก
ก็ยิ่งก่อปัญหาหลอดเลือดอุดตันได้มาก
ส่งผลกระทบให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดส่วนปลาย
หลอดเลือดสมองตีบ แตก ตัน ในทางกลับกันหากยิ่งมีปริมาณไขมันตัวดีสูง
ก็จะส่งผลดีกับร่างกายมากขึ้น
เพราะไขมันตัวดีจะทำหน้าที่เก็บไขมันส่วนเกินจากผนังหลอดเลือดกลับไปทำลายที่ตับ
ในการรักษาแผนปัจจุบันเหมือนกับการใช้ยาสมุนไพรในการรักษา
ตรงที่ยาไม่ได้มีผลลดไขมันได้ 100%
จำเป็นต้องอาศัยการควบคุมอาหารร่วมด้วยเสมอเป็นอันดับแรก
คือลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ของมันของทอด กะทิ เครื่องในสัตว์
หรือแม้กระทั่งขนมจุกจิก น้ำอัดลม เครื่องดื่มน้ำผลไม้ กาแฟ
หากมีการใส่น้ำตาลปรุงรสในปริมาณมาก
ก็จะเพิ่มพลังงานให้กับสิ่งที่เรารับประทาน
ซึ่งหากร่างกายเรามีการใช้พลังงานน้อยกว่าพลังงานจากอาหารที่รับประทานเข้าไป
ร่างกายก็จะเก็บสะสมในรูปไขมันได้ และหมั่นอออกกำลังกาย ครั้งละ 30-40
นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 วัน และในคนที่สูบบุหรี่
พบว่าหากหยุดสูบบุหรี่ จะทำให้ไขมันชนิดดีไม่ลดต่ำลงได้
และยังลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดและหัวใจอีกด้วย
ในส่วนของสมุนไพรไทยที่งานวิจัยสนับสนุนยืนยันว่า
มีส่วนช่วยในการลดไขมันได้จริง มีดังนี้
ขิง
มีการศึกษาหนึ่งของต่างประเทศพบว่า การรับประทานขิงแคปซูลวันละ 3 กรัม
ต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 3 เวลา เป็นเวลา 45 วัน
สามารถลดระดับไขมันคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ นอกจากนี้
ขิงยังมีป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดได้อีกด้วย
กระเทียม
นอกจากจะลดความดันได้แล้ว ยังมีผลลดไขมันในเลือดได้ โดยมีการศึกษาพบว่า
เพียงคุณรับประทานกระเทียมวันละ 1-2 กลีบ หรือรับประทานในรูปแบบผงกระเทียม
600-900 มิลลิกรัม ต่อกรัม เป็นเวลา 2 เดือนขึ้นไป
จะมีผลลดไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
โดยมีการศึกษาหนึ่งพบว่าหากรับประทานเป็นเวลา 16 สัปดาห์
สามารถลดไขมันคอเลสเตอรอลได้ 12% ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้ 17%
กระเจี๊ยบแดง
มีสารออกฤทธิ์สำคัญคือ แอนโทไซยานิน
ซึ่งพบว่ามีผลลดระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ได้ดีมาก ลดไขมันชนิดร้าย (LDL)
ลดคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังมีผลช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL)
โดยเห็นผลเมื่อดื่มชาชงกระเจี๊ยบวันละ 2 เวลา เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 1
เดือน
ตรีผลา
ตำรับสมุนไพรที่ประกอบขึ้นด้วยผลไม้สามอย่างคือ สมอไทย สมอพิเภก
และมะขามป้อม มีผลลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้
โดยอาจรับประทานอย่างน้อยคืนละ 1 แก้วต่อเนื่องทุกคืน
นอกจากจะลดไขมันในเลือดได้แล้ว
ตรีผลายังมีส่วนช่วยในการรักษาภาวะไขมันพอกตับอีกด้วย (fatty liver)
ดอกคำฝอย
มีสารสีเหลืองส้ม คนโบราณใช้ในการแต่งสีอาหาร
โดยการนำกลีบดอกมาแช่น้ำร้อน ซึ่งสารนั้นมีชื่อว่า Carthamin และ Sufflower
yellow อีกทั้งในเมล็ดดอกคำฝอยยังมีน้ำมันระเหยยาก
เรียกว่าน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย
มีส่วนประกอบของกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหลายชนิด
มีผลลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันตัวร้าย (LDL)
และป้องกันการอุดตันของไขมันในเลือด
รวมทั้งมีผลในการป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย โดยอาจรับประทานในรูปแบบชาชงวันละ 1
ครั้ง ครั้งละ 1 ซอง ตอนเย็นหรือก่อนนอน นอกจากนี้
ยังพบว่าการรับประทานหอมเล็ก หอมใหญ่เป็นประจำ
ก็จะมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับไขมันในเลือดได้
โดยรับประทานเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 หัว
ควรระวังการรับประทานกระเทียมและขิงในรูปแบบสารสกัด
หรือการรับประทานในปริมาณมากในผู้ป่วยที่มีการรับประทานยาละลายลิ่มเลือดร่วมด้วย
เพราะกระเทียมและขิง อาจมีผลเพิ่มฤทธิ์ยาละลายลิ่มเลือด
แม้ว่าอาหารเหล่านี้จะช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้
แต่ก็ใช่ว่าคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือดจะหันมาพึ่งพาการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวนะ
ยังไงการใช้ยาตามแพทย์สั่งก็ยังเป็นเรื่องที่ควรทำต่อไป
ดังนั้นทานอาหารเหล่านี้ควบคู่ไปกับการรับประทานยาจะดีกว่านะคะ
และที่สำคัญคือ
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงทั้งหลายให้ไกลจะดีที่สุดเลย
แหล่งที่มา : honghongworld.com