Home »
นานาอาหาร
»
น้ำงาดำ สูตร 40 ปี หอมกรุ่นอุ่นสุขภาพ ช่วยบำรุงประสาทและต้านมะเร็ง
น้ำงาดำ สูตร 40 ปี หอมกรุ่นอุ่นสุขภาพ ช่วยบำรุงประสาทและต้านมะเร็ง
ถ้าพูดถึงน้ำงาดำถึงแม้จะรู้ว่าดีต่อสุขภาพ แต่หลายก็คงมโนไปว่า
รสชาติต้องชวนยี้แน่นอน ของแบบนี้ต้องลองเองแล้วจะรู้
ซึ่งงาดำเต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากมาย
มีแคลเซียมมากกว่าในนมวัวถึง 6 เท่าทีเดียว เป็นแหล่งรวมวิตามินอีกหลายชนิด
วันนี้เราจะมารู้จักขั้นตอนการทำน้ำงานดำและประโยชน์อีกมากมายกันค่ะ
สูตรน้ำงาดำแก้วนี้ทำมาจากเมล็ดงาดำ
100% นำไปปั่นกับน้ำแล้วเอามาต้ม
เติมน้ำตาลทรายแดงลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติหวานอีกหน่อย กลิ่นหอม
รสชาติดีไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้ก่อนหน้านี้แน่นอน
ส่วนผสม
งาดำคั่ว 100 กรัม
น้ำ 2 ถ้วย
น้ำตาลทรายแดง 40 กรัม
วิธีทำ
1. ใส่งาดำคั่วกับน้ำลงในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียว จากนั้นยกลงกรองเอาเฉพาะน้ำ
2.
ใส่น้ำงาดำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ต้มจนเดือด เติมน้ำตาลทรายแดงลงไป
คนผสมให้น้ำตาลทรายละลายและเดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้พออุ่น
เทใส่แก้วพร้อมเสิร์ฟ หรือนำไปแช่เย็นก่อนดื่ม
น้ำงาดำทำง่าย ๆ
แถมยังมีประโยชน์คับแก้วแบบนี้ อย่าลืมนำสูตรไปลองทำดื่มกันดูนะคะ
อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 แก้วก็ยังดี เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเอง
น้ำงาดำ-น้ำถั่วแดง
ย่านบางรัก ที่ครองสูตรตามแบบฉบับของจีนกวางตุ้ง ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
นานกว่า 40 ปี ของนายพูลศักดิ์ เทพไพศาล หรือคุณตั๊ก เจเนอเรชั่นที่ 3
ในการสืบทอดสูตรน้ำงาดำ และน้ำถั่วแดง ของคุณย่า ได้ไว้ไม่เสื่อมคลาย
ซึ่งสูตรนี้มาจากคุณย่าที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่
บุกเบิกธุรกิจจากการหาบขายย่านบางรักนานหลายสิบปี ขายน้ำงาดำ
และน้ำถั่วแดง โดยยึดอาชีพนี้มาโดยตลลอด จนได้รับการสืบทอดมาถึงรุ่นลูก
และรุ่นหลาน อย่างคุณตั๊ก ในปัจจุบัน
“ธุรกิจนี้ถือได้ว่าเป็นธุรกิจของครอบครัวไปแล้ว
ที่ครองตลาดมานานกว่า 40 ปี ตั้งแต่ผมจำความได้
เพราะพ่อแม่ก็สืบทอดธุรกิจนี้ ผมก็ต้องช่วยขาย
ในขณะที่ขั้นตอนการผลิตก็ถูกซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งธุรกิจนี้ในสมัยก่อนมีคนขายหลายเจ้า
แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนแปลงไป คนเฒ่าคนแก่ ที่เคยยึดอาชีพนี้เลี้ยงชีพ
ต่างก็ล้มหายตๅยจากกันไป ลูกหลานไม่สืบทอดธุรกิจนี้ต่อ
ทำให้สูตรของน้ำงาดำ-น้ำถั่วแดง
สูตรจากวางตุ้งก็สูญหายตามไปด้วย
แต่สำหรับสมาชิกในครอบครัวผม รวมถึงญาติพี่น้อง
ธุรกิจนี้ได้กลายเป็นอาชีพประจำตระกูลไปแล้ว จะทิ้งก็ไม่ได้
ทำให้สูตรน้ำงาดำ-น้ำถั่วแดง
ยังคงอยู่ให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มรสชาติเหมือนเมื่อ 40 ปีก่อน”
จี๊หม่าหวู
(งาดำ) และห่งเต๋าโจ๊ก (ถั่วแดง)
ถือเป็นชื่อที่เรียกขานเมนูชูสุขภาพของร้านนี้
ที่ลูกค้ารับรู้ถึงสรรพคุณของ 2 วัตถุดิบนี้ นั่นคือ
งาดำจะช่วยในเรื่องเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก บำรุงประสาท ไขข้อ
และช่วยต้านโรคมะเร็ง ในขณะที่ถั่วแดง จะช่วยในการบำรุงเลือ௭
“สำหรับทั้ง
2 เมนู ที่มีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว
กรรมวิธีขั้นตอนการผลิตทางเราก็เอาใจใส่เป็นพิเศษเช่นกัน
เริ่มจากการคัดเลือกเมล็ดงาดำ และถั่วแดง ต้องนำมาล้างนานกว่า 2 ชั่วโมง
นำไปตากให้แห้ง และนำมาล้างอีกรอบ เพื่อล้างเอาฝุ่นออก
จากนั้นนำไปคั่วให้สุกเพื่อเพิ่มความหอม
จากนั้นนำไปต้มเป็นน้ำงาดำและน้ำถั่วแดง อย่างในปัจจุบัน
โดยอาศัยพื้นที่ของรถซาเล้งแบบจีนโบราณอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี”
สำหรับจุดเด่นของน้ำงาดำ-น้ำถั่วแดงอยู่ที่ความเข้มข้นของน้ำ
ที่คุณตั๊ก บอกว่าได้ผสมข้าวสารลงไปนิดหน่อย
ในขณะที่น้ำถั่วแดงก็ใส่เปลือกส้มเขียวหวานลงไปด้วย
ที่นอกจากจะช่วยให้น้ำถั่วแดงมีกลิ่นหอมขึ้นแล้ว
เปลือกส้มยังช่วยในเรื่องขับลมด้วย
ซึ่งสูตรต่างๆ เหล่านี้เป็นสูตรดั้งเดิมของกวางตุ้งอย่างแท้จริง
โดยน้ำงาดำใช้เวลาผลิตประมาณ 4-5 ชั่วโมง
ในขณะที่น้ำถั่วแดงใช้เวลาผลิตประมาณ 2 ชั่วโมง
“ในแต่ละวันผมจะผลิตในปริมาณที่เท่ากันเกือบทุกวัน
เพียงอย่างละ 1 หม้อใหญ่เท่ๅนั้น ขายทุกวัน แค่หยุดวันจันทร์ เว้นจันทร์
เท่ๅนั้น เริ่มขายตั้งแต่เที่ยง ถึงประมาณ 6 โมงเย็น
ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามห้างโรบินสันบางรัก
โดยใช้งาดำประมาณ 4 กิโลกรัม
ในการผลิต และใช้ถั่วแดง 1.5 กิโลกรัม
ซึ่งน้ำถั่วแดงจะผลิตในปริมาณที่น้อยกว่า
เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่นิยมบริโภคน้ำงาดำมากกว่า โดยขายในราคา 15
บาทเท่ากัน”
นอกจากน้ำเพื่อสุขภาพทั้ง
2 ชนิดแล้ว ทางร้านยังมีอีกหนึ่งเมนูให้ลูกค้าได้เลือกชิม คือ
บะจ่างสูตรกวางตุ้งมีทั้งไส้หวาน ประกอบด้วย ถั่วแดงกวน และเม็ดแปะก๊วย
(ราคา 25 บาท) และไส้เค็ม ที่เน้นส่วนผสมหลักคือ ไข่แดง ลูกบัว หมูสามชั้น
และกุ้งแห้ง (ราคา 35 บาท) โดยญาติ ๆ ช่วยกันทำ และส่งให้ขายตามสาขาต่าง ๆ
โดยเป็นญาติพี่น้องที่ได้รับการถ่ายทอดสูตรน้ำงาดำ-น้ำถั่วแดง
ของคุณย่า ไปกระจายขายตามที่ต่างๆ เช่น สวนลุมพินี วังสราญรมย์
ตลาดข้างโรงเรียนวชิรธรรมสาธิต
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต พูลศักดิ์
บอกว่า คิดจะขยายสาขาเพิ่มเช่นกัน แต่ติดปัญหาเรื่องคนช่วยในขั้นตอนการผลิต
รวมถึงในแต่ละวันแค่ตนเองผลิตเพื่อขายทุกวันก็ไม่มีเวลาไปหาคนช่วย
ประกอบกับปัจจุบันรายได้ก็เพียงพอกับการเลี้ยงครอบครัว
ใช้ชีวิตตามแบบฉบับความพอเพียง
และมีความสุขที่ได้สืบทอดธุรกิจนี้จากบรรพบุรุษ
แต่ตนเองต้องการฝากให้ผู้ที่สนใจจะดำเนินธุรกิจนี้ต้องมีความอดทนสูง
และต้องรักความสะอาด รวมถึงต้องมีวินัยในการใช้จ่ายเงิน
เนื่องจากอาชีพนี้เป็นงานที่มีเงินเข้ามาทุกวัน หากใช้เงินไม่ระวัง
อาจทำให้หมดตัวได้
แต่ก็ถือเป็นอาชีพที่มีความสุขเมื่อเห็นลูกค้าได้ความอร่อย
และมีสุขภาพที่ดีกลับไป
แหล่งที่มา : mgronline.com